พิพิธภัณฑ์วิสกี้ของซันโตรี่ที่สร้างขึ้นเพื่อแสดงประวัติบริษัทที่มีทั้งความล้มเหลวและความสำเร็จ (เครดิตรูปภาพ: Valerie Kor)

โรงเหล้าฮาคุชูของซันโตรี่

เรียนรู้ประวัติศาสตร์และกระบวนการทำวิสกี้

พิพิธภัณฑ์วิสกี้ของซันโตรี่ที่สร้างขึ้นเพื่อแสดงประวัติบริษัทที่มีทั้งความล้มเหลวและความสำเร็จ (เครดิตรูปภาพ: Valerie Kor)
Poranut J   - ใช้เวลาอ่าน 1 นาที

โรงเหล้าฮาคุชูเป็นโรงกลั่นเหล้าประเภทที่ 2 ของซันโตรี่(ประเภทแรกคือเหล้ายามาซากิ) ตั้งขึ้นในปี 1973 สินค้าขึ้นชื่อคือ ฮาคุชูวิสกี้ ตั้งชื่อตามสถานที่ที่ผลิต เหตุผลที่ใช้ชื่อนี้ก็เพราะว่าสภาพแวดล้อมที่ผลิตวิสกี้มีบทบาทสำคัญในความละเอียดอ่อนของรสชาติ

โรงกลั่นตั้งอยู่กลางธรรมชาติ ขับรถ 15 นาทีจากสถานีโคบุจิซาว่าและขับรถ 25 นาทีจากโรงแรม RISONARE Yatsugatake ที่ซึ่งฉันพักอยู่ในยามานาชิ

การเดินทางไปโรงเหล้าของซันโตรี่น่าสนใจอย่างไม่ได้คาดคิดมาก่อน โดยตอนแรกที่ฉันเข้ามาในพิพิธภัณฑ์ซันโตรี่ มีการแสดงข้อมูลประวัติบริษัทและมีการบันทึกถึงความล้มเหลวและความสำเร็จของบริษัท ปีนี้โรงเหล้าฮาคุชูครบรอบ 40 ปีดังนั้นจึงมีการเปิดวีดีโอพิเศษตอนเริ่มทัวร์ ทัวร์เยี่ยมชมไม่มีค่าธรรมเนียมและยังมีการให้ชิมฟรีตอนท้ายทัวร์อีกด้วย สำหรับผู้ที่จะมาที่นี่ ควรทำการจองก่อนมานะ!

หลังจากเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เสร็จแล้ว เราขึ้นรถบัสไปโรงกลั่นวิสกี้เพื่อชมกระบวนการผลิตวิสกี้ ไกด์ของฉันพูดได้ 2 ภาษาแต่ในตอนนั้นมีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นกลุ่มใหญ่ ฉันเลยได้รับอุปกรณ์สำหรับการเปิดฟังคำบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ มันมีประโยชน์มากเพราะกระบวนการผลิตเป็นคำศัพท์ทางเทคนิคที่ซึ่งยากที่จะเข้าใจในภาษาญี่ปุ่นและอาจจะยากเกินไปที่จะแปลด้วย

กระบวนการการผลิตที่ยาวนานจะทำให้วิสกี้มีคุณภาพ ขั้นตอนแรกมอลต์ถูกนำไปบดแล้วค่อยหมัก กระบวนการกลั่นทำให้น้ำใสๆกลายเป็นสีเหลืองและทิ้งมันไว้จนได้ที่ ในแต่ละขั้นตอนปัจจัยที่แตกต่างกันทำให้เกิดวิสกี้รสชาติที่ดีที่สุดโดยสิ่งที่คัญที่สุดคือน้ำ โรงกลั่นฮาคุชูใช้น้ำแร่ธรรมชาติดังนั้นมันจึงทำเกิดวิสกี้ชั้นยอด กลิ่นของมอลต์คล้ายกับกลิ่นของขนมปัง โชยออกมาในขณะที่เราเดินผ่านห้องกลั่นและห้องหมัก ฉันไม่เคยรู้เลยว่าในความเป็นจริงแล้ววิสกี้มีลักษณะใสแจ๋วก่อนกระบวนการบ่ม!

กระบวนการบ่มแสดงให้เห็นถึงผลงานและความพยายามที่ซันโตรี่สัญญาว่าจะผลิตวิสกี้ที่มีคุณภาพ วิสกี้ในแต่ละถัง, ป้ายกับปีที่ถูกทิ้งไว้จนได้ที่จะได้รับการตรวจสอบและชิมอย่างสม่ำเสมอ ถือว่าเป็นงานยักษ์ในดำเนินการทุกอย่างกับถังจำนวนมหาศาลอย่างนี้ ว่ากันว่ากระบวนการบ่มเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนเพราะไม่มีใครสามารถชี้ถึงปัจจัยที่มีผลต่อรสชาติของวิสกี้ได้ หลังจากที่ทิ้งไว้เป็นปี กระบวนการบ่มจะเปลี่ยนวิสกี้ไปเป็นสีเหลืองเข้มซึ่งแตกต่างจากเดิม ประเภทของวิสกี้ที่แตกต่างกันมีอายุสูงสุดที่แตกต่างกันดังนั้นต้องเฝ้าดูอย่างระวัง นอกจากนี้ธรรมชาติยังมีบทบาทสำคัญโดยเมื่อเปรียบเทียบกับยามาซากิวิสกี้ ฮาคุชูวิสกี้มีแนวโน้มว่าจะมีรสมิ้นต์เนื่องจากมีต้นสนอยู่รอบๆโรงกลั่น

หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของการทัวร์ทีโรงกลั่นคือ ตอนสุดท้ายที่คุณสามารถลองชิมวิสกี้ที่มีอายุแตกต่างกันและยังมีกับแกล้มอย่างถั่วและช็อกโกแลตไว้บริการอีกด้วย ฉันก็หวังว่าฉันจะดื่มได้มากกว่านี้เพราะอยากจะลองวิสกี้ที่มีอายุแตกต่างกันแต่ฉันรู้ว่าตัวเองคอไม่แข็ง ฉันเลยต้องดื่มวิสกี้ใส่โซดาแทน สถานที่สุดท้ายในการเยี่ยมชมมีชื่อว่า”The Barrel”เป็นที่ที่คุณสามารถซื้อฮาคุชูวิสกี้ นอกภูมิภาคยามานาชิไม่ค่อยมีขายเท่าไรดังนั้นควรจะซื้อเก็บไว้เป็นที่ระลึก ขวดมีขนาดเล็กจึงเหมาะสำหรับนักเดินทางที่ซื้อเป็นของที่ระลึก ถ้าคุณอยากจะลิ้มรสวิสกี้ อย่าขับรถไปที่โรงกลั่น!

ธรรมชาติเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการทำวิสกี้ดังนั้นพวกเขาจึงทำให้นกในเขตป่าสงวนที่ฮาคุชูร่วมเฉลิมฉลองกับธรรมชาติรอบๆโรงกลั่นวิสกี้ นอกจากนี้เรายังสามารถชมนกและธรรมชาติรอบๆได้ ตอนที่ฉันไปฝนตกเราจึงข้ามกิจกรรมนี้ไป

ทัวร์นี้เป็นทัวร์ที่น่าสนใจและยังได้ความรู้เกี่ยวกับวิสกี้อีกด้วย!

Poranut J

Poranut J @poranut.j