หากไปโตเกียวแล้วต้องไปแวะสักการะพระที่วัดเซ็นโซจิ เวลามานาโกย่าก็คงต้องมาแวะมาที่วัดโอสุคันนงจิ ที่ตั้งอยู่ทางตอนกลางของเมืองนาโกย่ากันตามธรรมเนียม หากฟิตกันจริงๆ ก็สามารถเดินจากย่านซากาเอะมาก็ยังได้(อันนี้พนักงานที่โรงแรมบอกมา ว่าคนที่นี่ก็ทำกันอย่างนี้) ถือโอกาสชมบรรยากาศของย่านกลางเมืองไปพลางแถมประหยัดค่าเดินทางอีกต่างหาก :)
วัดนี้ถูกสร้างมาตั้งแต่สมัยคามากุระ (ช่วงปี ค.ศ.1192-1333) แม้จะได้รับความเสียหายจากทั้งอุทกภัยและไฟไหม้มาแล้ว แต่ตัววัดก็ได้รับการบูรณะ จนตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ใจกลางย่านโอสุ อ้าแขนรับนักท่องเที่ยวที่เต็มเปี่ยมด้วยจิตศรัทธามากราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล ตัวอาคารวัดด้านในเป็นหอสมุดขนาดกลางใช้เก็บตำราโบราณทั้งภาษาญี่ปุ่นแล้วภาษาจีนกว่า 15,000 เล่มด้วยกัน บางเล่มนั้นถูกยกให้เป็นสมบัติของชาติเพราะมีเนื้อหาที่บอกเล่าถึงแก่นแกนวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่น
หลังจากทำบุญกันจนอิ่มใจเป็นที่เรียบร้อย ก็ลองแวะมาเดินเล่นในย่านการค้าที่ถนนด้านหลังวัดกันต่อ ร้านค้าแถบมีกลิ่นอายของบรรยากาศเก่าๆ มีโอบะซัง(คุณป้า) นั่งขายของอยู่หน้าร้าน ถ้าจะนับให้ครบก็คงมีร้านค้ากว่า 400 ร้านเห็นจะได้ หากมาเดินในเวลาหลังหนึ่งทุ่มไปแล้ว ร้านของชำที่นี่จะลดราคากันกระหน่ำ เราจะเห็นคนนาโกย่าเอารถจักรยานมาจอดหน้าร้าน ต่อคิว หิ้วตะกร้า มุ่งตรงไปจับจองสินค้าที่มีป้ายลดราคากันอย่างขะมักขเม้น เดินเลยมาอีกนิด มีร้าน Maid Cafe ตรงหัวมุม น่าเสียดายที่ไม่สามารถเก็บภาพมาให้ชมกันได้เพราะตัวร้านติดฟิล์มหม่นเอาไว้ แต่ฟิล์มบางๆหรือจะสู้ความอยากรู้อยากเห็นของฉันได้ ฉันแกล้งเดินเนียนๆ หาองศาที่พอเหมาะพอดี แล้วใช้ตาเหยี่ยวเพ่งทะลุฟิล์ม จนเห็นสาวเมด นุ่งกระโปรงสั้นมีระบายฟูฟ่อง ถือไฟเรืองแสง คทา และลูกโป่ง เต้นแบบคิขุๆ เอาใจเหล่าบรรดาหนุ่มๆที่นั่งชมกันอย่างแน่นขนัดในร้าน
สำหรับผู้ที่หลงใหลบรรยากาศของตลาดนัด ลองหาจังหวะเหมาะๆแวะมาทุกวันที่ 18 และ 28 ของเดือนนะคะ ที่นี่จะมีตลาดนัดขายของเก่ามาตั้งอยู่หน้าลานวัด ยาวไปจนถึงอเมโยโกะเลยล่ะค่ะ
วิธีเดินทาง : ขึ้นรถไฟสายสีเหลือง Higashiyama ไปลงสถานี Fushimi แล้วต่อสาย Tsurumai ไปลงหน้าวัด สถานี Osu Kannon