มีกระดิ่งมากมายที่กำลังส่องแสงระยิบระยับและส่งเสียงกระทบกัน เจ้าพวกนี้นี่แหละที่ทำชุดเนบูตะ มัตซึริของฉันพิเศษขึ้น จริงๆมันก็คือหมวกฮานากาซะ แต่ว่ามันหนักมากและฉันก็ทำมันหล่น สุดท้ายก็เลยเลิกใส่ แฟนฉัน 'ฮาซาชิ' ก็เลิกใส่หมวกนี่เหมือนกัน เหล่านักเต้นฮาเนโตจึงรู้สึกผิดที่ยื่นหมวกให้พวกเรา แต่ช่างมันเหอะ ตอนนี้ฉันอยู่ในชุดยูคาตะสีฟ้าขาว มีสายสะพายสีแดงผูกที่ไหล่ สายคาดโอบิสีเหลืองผูกที่เอวและกระโปรงซับสีชมพู ฉันรู้สึกว่าได้สัมผัสเทศกาลเนบูตะอย่างแท้จริงเลยล่ะ
สำหรับชุดยูคาตะสีฟ้าขาวนั้นมีสีขาวเป็นพื้นหลัง ส่วนสีฟ้าเป็นลายคาบูกิ ซึ่งเป็นลายที่หาได้ยากกว่าลายทั่วไปเพราะส่วนใหญ่จะไม่ผลิตลายแบบนี้ซ้ำกันมาก ชุดของฉันซื้อที่ร้านขายชุดกิโมโนเล็กๆแห่งหนึ่งซึ่งรับแต่งชุดฮาเนโต ในละแวกนั้นมีร้านเช่าและขายชุดฮาเนโตจำนวนมาก แต่ก็ไม่ใช่ทุกร้านหรอกที่จะรับแต่งตัวให้ จากที่ฉันตะลอนไปมาทั้งร้านขนาดเล็กจนถึงร้านขนาดใหญ่อย่างร้านซากุระโนะ พบว่าร้านเล็กๆสะดวกดีในการจองชุดล่วงหน้า ในขณะที่ร้านใหญ่อย่างซากุระโนะ อย่างน้อยที่สุด ตราบใดที่คุณมาในร้านช่วงเช้า คุณถึงจะสามารถเช่าชุดได้ แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ คุณจะพลาดโอกาสเทศกาลเนบูตะอย่างน่าเสียดายถ้าเตรียมตัวไม่ทัน คุณอาจจะต้องมานั่งหงอยตรงบริเวณกั้นไม่ให้เข้าร่วมงานก็ได้นะ
ตัวละครคาบูกิที่เป็นลายในชุดยูคาตะได้กลายมาเป็นธีมหลักในขบวนรถแห่ มีทั้ง หน้าคาบูกิขนาดใหญ่ ปีศาจหรือแม้กระทั่งมังกร เจ้าพวกนี้จ้องมองมาที่เหล่านักเต้นและผู้ชมด้วยสายตาที่โหดเหี้ยม แต่พวกมันกลับกลัวที่จะได้ยินเสียง ลาส ลา รวมทั้ง เสียงประโคมฉิ่ง ฟลุท และกลอง ซึ่งเป็นเสียงเพลงที่กำลังบรรเลงอยู่และชื่อว่า เนบูตะ บายาชิ เป็นเสียงเพลงที่กระหึ่มไปด้วยเสียงของระฆังและกระดิ่งดังได้กล่าวมา เสียงนั้นทำให้เกิดความโกลาหลและกระตุ้นลูกบ้าของแต่ละคนออกมา แน่นอนล่ะทั้งฉันและฮิซาชิก็ด้วยพบว่าเราทั้งคู่กำลังกระโดดโลดเต้นอย่างบ้าคลั่งพร้อมทั้งตะโกนกันอย่างสนุกสนานจนรู้สึกปวดเมื่อยและหวังว่าจะหายปวดในพรุ่งนี้เช้า
เทศกาลเนบูตะ มัตซึริ จัดขึ้นทุกๆวันที่ 2-7 สิงหาคมของทุกปี ซึ่งเป็นเทศกาลเก่าแก่ที่ไม่เหมือนเทศกาลเก่าแก่อื่นๆ รวมทั้งมีประวัติความเป็นมาที่ไม่ชัดเจนนัก แต่ก็มีการคาดเดาถึงที่มาอยู่ 2 อย่าง อย่างแรกนั่นคือ โคมที่ต้องใช้ในเทศกาลทานาบาตะหรือโคมยักษ์ที่สร้างใน เทศกาลโคมนั้น โคมยักษ์จะใหญ่แค่ไหน? โคมดั้งเดิมจะยาวทุกด้านด้านละ360 ซม.อันเล็กกว่าในเนบูตะที่มีขนาด กว้าง9 ม. ยาว7ม. สูง 5ม. ขนาดโคมไม่ใช่สิ่งเดียวที่ไม่เหมือนกัน แม้แต่เทียนซึ่งถูกแทนที่ด้วยตะเกียง หรือโครงไม้ไผ่ก็เปลี่ยนไปใช้เส้นลวดแทน ถ้าถามว่าอะไรบ้างที่ยังคงเหมือนเดิม สิ่งนั้นก็คือกระดาษที่ห่อเส้นลวดนั่นเอง เป็นกระดาษโฮโชที่ทำมาจากต้นมัลเบอร์รี่ ซึ่งถูกระบายสีไว้อย่างสวยงาม และนี่ก็เป็นสาเหตุนึงที่ทำให้ฉันรู้สึกกังวลกลัวฝนจะตก แล้วเทศกาลนี้จะถูกยกเลิก เพราะสายฝนกับกระดาษดูจะไม่เป็นมิตรกันสักเท่าไหร่ แต่หลังจากที่ฉันไปถึงที่ Rasse Land ซึ่งเป็นสถานที่เก็บตัวเหล่าขบวนรถแห่เพื่อเตรียมพร้อมในการเดินขบวน ความกังวลของฉันก็ค่อยๆหายไปเมื่อพบว่าขบวนรถแห่ทั้งหมดกำลังถูกห่อหุ้มด้วยพลาสติกใส ฉันรู้สึกทึ่งในการจัดการของพวกเขาและก็รอดูว่าพวกเขาจะทำยังไงต่อไป พลาสติกที่ห่อขวนแห่จะขาดมั้ย แล้วพวกเขาจะห่อทันก่อนฝนจะตกหรือเปล่า ฉันใช้เวลาในการลุ้นนานมาก จนในที่สุดทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี พลาสติกที่ฉันกังวลว่าอาจจะฉีกออกก็พิสูจน์ให้ฉันเห็นแล้วว่าฉันคิดผิด ผู้ที่ดูแลขบวนรถแห่นี่มืออาชีพจริงๆ พวกเขามีการเตรียมพร้อม และขบวนรถแห่ก็ไม่ต้องถูกยกเลิกในที่สุด
สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสเทศกาลเนบูตะแต่พบว่ามาผิดช่วงเวลาหรือผู้ที่ยังไม่รู้สึกไม่เต็มอิ่ม ที่นี่มีพิพิธภัณฑ์เนบูตะซาโนะซาโตะ ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีในการเดินทางโดยใช้รถจากสถานีอาโอโมริ ภายในพิพิธภัณฑ์มีบริเวณขนาดใหญ่ที่มีการจัดรวมรวบเหตุการณ์ต่างๆตลอดปีเอาไว้ ซึ่งไม่ได้มีแค่ช่วงเทศกาลเท่านั้น แม้ว่าคุณจะไม่ได้สัมผัสเทศกาลเนบูตะอย่างแท้จริงจากการเดินชมพิพิธภัณฑ์ได้ แต่อย่างน้อยเช้าในวันต่อมาคุณก็จะได้ไม่ต้องปวดเมื่อยตัวเหมือนพวกเรานะ
ประสบการณ์เทศกาลเนบตะสำหรับฉันน่ะเหรอ น่าเศร้านะ มันผ่านมาหลายปีมากๆเลยล่ะ แต่มันก็ยังอยู่ในความทรงจำของฉันและฉันก็ยังรอโอกาสที่จะไปอาโอโมริอีก ส่วนหวานใจของฉัน ตอนนี้เขาก็เป็นสามีของฉันและก็เป็นพ่อของสาวน้อยน่ารักอายุ 7 เดือน ตอนนี้ฉันก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุกๆวัน ฉันไม่ได้จะบอกว่ามันมีความสุขมากอะไรขนาดนั้นหรอก แค่ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากให้น่าหนักใจน่ะ