ผมไปที่ ๆ แปลกสุด ๆ ในญี่ปุ่นมาหลายที่แล้ว ซึ่งรวมไปถึงป่าสุสานบรรยากาศหลอนโอคุ-โนะ-อิน และอุทยานหินภูเขาไฟเหนือจริงโอนิ-โอชิ-ดาชิ เมื่อนำทั้งสองที่มาบวกกันจะได้เป้นโอโซเระ-ซัน หรือแปลได้ว่า "หุบเขาแห้งความกลัว" เป็นพื้นที่ภูเขาเปลี่ยวร้างดั่งแดนผีที่มีรูปปั้นของพุทธตั้งอยู่คอยเฝ้าดูร่องน้ำกำมะถันและทะเลสาบป่กปล่องภูเขาไฟอันงดงาม
ผมไปที่นั่นโดยนั่งรถบัสขึ้นภูเขาจากมัตสุ ถนนที่พสเราไปเจอโค้งหักศอกคดเคี้ยวติดต่อกันและมีป่าทึบอยู่รอบด้าน บางครั้งที่ข้างถนนเราจะเห็นรูปปั้นเล็ก ๆ ที่มีผ้าสีแดงผูกอยู่ของ จิโสะ เทพพุทธผู้พิทักษ์เหล่าเด็ก ๆ เราหยุดแวะที่รางน้ำเพื่อให้ผู้โดยสารศรัทธาแรงกล้าออกไปชำระล้างมือให้บริสุทธิ์ ตลอดการเดินทางจะมีผู้บรรยายญี่ปุ่นตลอด คั่นเป็นบางช่วงด้วยเพลงหลอน ๆ จาก อิทาโกะ ขณะที่เราปีนเขา
เมื่อมาถึงริมทะเลสาบเราก็เจอกับรูปปั้นที่ดูเหมือนอสูรอยู่ข้างสะพานโค้งสีสดใส ซึ่งกล่าสวกันว่าเดินข้ามได้เฉพาะคนที่มีกรรมดีเท่านั้น (ส่วนผมก็ข้ามได้อย่างไม่มีปัญหา) น้ำของทะเลสาบนั้นใสแจ๋ว แต่ผมไม่กล้าลงไปว่าย เพราะกลิ่นกำมะถันมันคลุ้งขึ้นมาแรงมาก ผมเห็นเจ้าเป็ดใจกล้าตัวหนึ่งเดินเตาะแตะอยู่รอบ ๆ เพื่อดมกลิ่น และแมลงปอสีสวยที่บินโฉบอยู่แถวนั้น
ใกล้กับทางเข้าวัดมีร้านอาหาร เคร่องขายของอัตโนมัติ และร้านคาที่ชายของที่ระลึกเก่า ๆ กับพุทธวัตถุ เครื่องหอม ลูกประคำซึ่งวางเบียดอยู่กับหมวกและช้อนทานข้าวที่ดูปน ๆ กันอย่างน่าประหลาด เมื่อผ่านร้านค้าไปยังทางเข้าแล้ว จะพบกับแถวรูปปั้นงามสง่าที่คอยจับตามองนักท่องเที่ยว และที่ซุ้มประตูด้านในยังมีรูปปั้นทวารบาลที่น่าทึ่งยิ่งกว่า แต่ความน่าสนใจนั้นอยู่เลยถัดไปจากอาคาร
แม้ว่าบนภูเขาจะเต็มไปด้วยป่าสีเขียว และอาชมีพืชกับดอกไม้ขึ้นทั่วทุกที่ แต่บริเวรที่เลยวัดไปนั้นมีกลิ่นอายความเป็นแดนร้าง เหมือนกับเหมืองที่ถูกทิ้งไว้เพราะอาจอันตรายเกินไป ซึ่งค่อย ๆ ถูกธรรมชาติมาทวงคืนกลับไป พื้นฝุ่นเปรอะด้วยสีแดงกับเหลืองและซัลเฟอร์ และก้มีปล่องไอน้ำที่ยังเดือดอยู่ให้คุณได้ยินเสียงปุด ๆ ถ้าฟังดูใกล้ ๆ รอบบริเวณนั้นมีพระพุทธรูปตั้งอยู่ ช่วยปรับสมดุลและเสริมบรรยากาศความสงบ มีรูปหนึ่งที่รอยบหนนหน้าทำให้เหมือนร้อนไห้อยู่ ไม่รุ้เป็นเพระาบังเอิญหรือการออกแบบ
นอกจากรูปปั้นแล้วก็ยังมีสัญลักษณ์ว่าโอโซเระ-ซันเป็นที่ชุมนุมเหล่าวิญญาณของเด็ก ๆ กังหันสีสวยหมุนอยู่ในกระแสลม หนึ่งอันต่อวิญญาณเด็กหนึ่งดวง และก็มีรูปปั้นเล็ก ๆ กับกงอหินก้อนจิ๋วอยู่ทั่ว ที่เด็ก ๆ ก่อขึ้นและเหล่าปิศาจมาพังลงในช่วงกลางคืน โดยที่นักท่องเที่ยวไม่กล้าทำ ผมวางหินเพิ่มเข้าไปบางกอง มีของถวายให้ผู้ตายเหมือนตามวัดอื่น โดยเฉพาะที่ฝั่งด้านหน้าทะเลสาบ ซึ่งมีหินสีดำโผล่ออกจากผืนทราย และจะมีการสวดส่งวันละสามครั้ง ด้วยเสียงภาวนาดังก้องไปทั่ว
สามารถพักค้างคืนที่วัดได้ แต่สำหรับผมเดินช้า ๆ ครึ่งวันก็ดูได้ครบแล้ว ที่นี่ไม่เหมือนที่อื่น และไม่แปลกใจที่ถูกมองว่าเป็นสถานที่ซึ่งความตายและความเป็นมาพบกัน ทั้งสวยงาม หดหู่ สงบ อันตราย มืดมน น่าทึ่งไปด้วยในคราวเดียวกัน