ใครที่ชื่นชอบในวัฒนธรรมการใช้ชีวิตแบบญี่ปุ่น หมู่บ้านมรดกโลกอย่าง Shirakawa-go คงเป็นสถานที่ที่น่าดึงดูดใจให้มาเยี่ยมชมไม่น้อยเลยทีเดียว
การเดินทางโดยรถไฟของJR มาที่ Shirakawa-goก็จัดได้ว่าสะดวกมาก สามารถมาได้ทั้งจากทาง Osaka หรือTokyo ถ้าไม่อยากนั่งรถไฟรวดเดียวนานถึง 4-5 ชม.แนะนำให้แวะเที่ยวที่ Nagoya ซักหนึ่งวัน เช้าค่อยเดินทางต่อ นอกจากนี้รถไฟสาย Hida Wide View ที่วิ่งจาก NagoyaไปTakayama ยังขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของวิวทิวทัศน์ สร้างความเพลิดเพลินแก่ผู้โดยสารได้เป็นอย่างดี
จากTakayamaต่อรถบัสอีกเพียง 50นาทีก็จะถึงตัวหมู่บ้าน Shirakawa-go ทางเข้าหมู่บ้านShirakawa-go เป็นสะพานแขวนสูงข้ามแม่น้ำ ทำให้ผมนึกไปถึงการ์ตูนเรื่องยอดนักสืบโคนันที่มักจะไปค้างแรมในหมู่บ้านตามชนบทแล้วบังเอิญต้องได้พบเจอกับคดีฆาตกรรมปริศนาที่แสนน่ากลัวทุกครั้ง แต่ความจริงแล้วภายในหมู่บ้านช่างต่างกับการ์ตูนแบบจากหน้ามือเป็นหลังเท้า ภายในหมู่สวยงามน่ารักแทบจะทุกมุม บ้านมุงหลังคาฟางอันเป็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้านที่เรียกว่า "Gussho style house" เรียงรายอยู่ทั่วไป แต่ละบ้านมีการตกแต่งสวนอย่างประณีต บางบ้านมีปลูกพืชผักสวนครัวขนาดย่อม หลายๆบ้านขายของที่ระลึกเพื่อปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์และกาลเวลาที่เปลี่ยนแปลงไป ที่เห็นจะสร้างความวุ่นวายเอะอะก็มีแต่นักท่องเที่ยวนี่แหละ เส้นทางขึ้นเนินเขาใช้เวลาประมาณ 20 นาทีเพื่อไปดูภาพมุมสูงของหมู่บ้าน ใครอยากจะเพิ่มบรรยากาศแบบญี่ปุ่นก็ยืมเกี๊ยะจากบ้านพักมาใส่เดินขึ้นเขาได้ (เดินลำบากหน่อยแต่ได้บรรยากาศนะครับ) ตกเย็นเดินกลับบ้านพัก
คืนนี้เรานอนกันที่ Minshuku ของคุณป้า Yoshiro การพักแบบ Minshuku นั้นเราจะพักรวมกับเจ้าของบ้านและแขกคนอื่นๆ ซึ่งเปิดโอกาสให้เราได้พบปะกับนักเดินทางคนอื่นๆโดยเฉพาะในมื้ออาหารเพราะต้องมาทานร่วมกัน มื้อนี้เลยได้เหล้าขาวมาคนละแก้วเป็นเครื่องแทนมิตรภาพจากเพื่อนนักเดินทาง คุณป้าเจ้าของบ้านก็บริการเราดีมาก ทั้งเตรียมชุดยูคาตะ ปูที่นอน แถมด้วยโชว์เดี่ยวพิณโกโตะเพลงโดราเอมอน อากาศที่นี่ช่วงปลายฤดูใม้ผลิในช่วงกลางวันอากาศออกจะอุ่นๆถึงร้อน แต่ตกดึกก็หนาวเอาเรื่องอยู่ อากาศหนาวๆแบบนี้ หลังทานข้าวเย็นเสร็จจะมีอะไรดีไปกว่าการแช่ออนเซ็นท่ามกลางธรรมชาติ แค่นี้หนึ่งวันหนึ่งคืนที่ Shirakawa-go ก็อยู่ในความทรงจำของผมไปอีกแสนนาน