ที่ญี่ปุ่นมีภูเขาสวย ๆ อยู่มากมาย เขาออนทาเกะ-ซัน [御嶽山] ที่อยู่บนพรมแดนระหว่างจังหวัดนางาโนะและกิฟุก็เป็นหนึ่งในนั้น มีความสูง 3,067 เมตร เป็นหนึ่งในภูเขาที่สูงที่สุดของญี่ปุ่น ภูเขาออนทาเกะ-ซันเป็นภูเขาเดี่ยว ๆ เหมือนเขาฟูจิ ซึ่งมีวิวที่สวยชวนตะลึงจากบนยอดเขา
พยากรณ์อากาศบอกว่าท้องฟ้าจะสดใสตอนที่ผมตัดสินใจไปออนทาเกะ-ซันในเดือนเมษายน และถึงแม้ว่าผมจะโตมาในมิดเวสต์ที่สหรัฐอเมริกา แต่ผมกลับเอียนหิมะ เพราะว่าผมเคยทำหน้าที่ขุดหิมะเพื่อเคลียร์ทางบนถนน หิมะเป็นหนึ่งในสิ่งธรรมชาติสามสิ่งที่ได้รับการยกย่องในประเพณีอันงดงามของญี่ปุ่น อีกสองสิ่งที่เหลือคือดวงจันทร์และดอกไม้ ผมคิดว่าถ้านาน ๆ ทีได้กลับไปชมบ้างก็ดีเหมือนกัน
ผมโบกรถจากนาโกย่าไปพร้อมกับคนน่าสนใจที่สนุกกับการคุยภาษาอังกฤษและแวะหยุดพักเป็นระยะ ตอนมาถึงที่ตีนเขาก้เป็นช่วงบ่ายแล้ว ผมเริ่มออกเดิน และเส้นทางก็เริ่มจมหายไปในกองหิมะ ผมพยายามย่ำไปบนพื้นเกล็ดหิมะ แต่ก็เสียหลักล้มบ่อย ๆ ซึ่งค่อนข้างยากพอควรเพราะต้องระวังไม่ให้เข้าใกล้ต้นไม้ เดี๋ยวจะโดนรากเอาได้
ผมเริ่มขึ้นมาสูงและมองเห็นแนวสันเขา พร้อมกับลองนึกหาเส้นทาง ผมเดินผ่านบริเวณศาลเจ้าและสุสานที่มีรูปปั้นมนุษย์ตั้งอยู่จำนวนหนึ่ง พอเข้าไปดูใกล้ ๆ ก้เห็นว่าตาเป้นประกายสีแดง คงจะใช้แก้วอะไรสักอย่างหุ้มไว้ ซึ่งให้ความรู้สึกละเอียดอ่อน
พอผมขึ้นต่อไปยังแนวสันเขา ก็ได้กลิ่นกำมะถัน ทางเริ่มชันขึ้น หิมะเริ่มลึกขึ้น และผมต้องฝ่ามันไปให้ได้ แต่ก็ใกล้ถึงยอดเขาเต็มทีแล้ว บนยอดของภูเขาซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ใต้รัศมีของดวงอาทิตย์พอดีมีหิมะน้อยกว่า ผมชมวิวมุมกว้างด้วยความทึ่งสุด ๆ และยังได้เห็นทิวทัศน์ที่ขรุขระกันดารแห่งนี้ด้วย
ออนทาเกะเป็นภูเขาไฟ และบางครั้งมันก้ดูเหมือนขุมนรกกำลังปะทุออกมา ผมลงไปดูช่องไอน้ำในระยะใกล้ที่ปากปล่อง แล้วเดินขึ้นไปนั่งบนยอดพร้อมกับชมวิว 360 องศาอันน่ามหัศจรรย์อีกครั้ง ที่อยู่ด้านล่างผมเป็นทะเลสาบ น้ำแข็งเป็นสีฟ้าสวยงาม และผมอยากจะลงไปดูใกล้ ๆ แต่ฟ้าเริ่มมืดแล้ว
ผมตามรอบเท้าตัวเองกลับลงไป ตอนผมมาถึงที่ตีนเขาก้เกือบมืดแล้ว เพื่อเร่งให้ทันเวลาผมเลยทั้งวิ่งทั้งไถลตัวลื่นลงเนิน ซึ่งก้สนุกดีเหมือนกัน แล้วผมก็ลงมาถึงถนนในที่สุด และเห็นไฟหน้าของรถคันสุดท้ายบนภูเขา ผมทั้งมอมแมม ทั้งเปียก และไม่กล้าโบกมือขอขึ้นรถ แต่จู่ ๆ ไฟเรคสีแดงก็ติด และเธอคนนั้นก็ถามผมว่าจตะติดรถไปด้วยไหม
ผมขึ้นนั่งด้านหลังอย่างว่าง่ายและวางเท้าไปบนเบาะรองพื้น พยายามให้พื้นเลอะน้อยที่สุด ก่อนที่รถจะเคลื่อนกลับสู่ถนนใหญ่