ฮอกไกโดในจินตภาพของทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติคือดินแดนแห่งธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ชื่อสถานที่ที่สะกดใจผู้คนให้ต้องมนต์ได้เหนืออื่นใดคืออุทยานแห่งชาติไดเซะทซึซัน (ภูเขาซึ่งมีหิมะท่วมท้น) หลังคาแห่งฮอกไกโด อุทยานแห่งชาติประเภทภูเขาที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ซึ่งผู้มาเยือนไม่ว่าจะเป็นนักเดินป่าสุดทรหดหรือนักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อนหย่อนใจเพียงครึ่งวันอย่างผมต่างก็เก็บความประทับใจไปไม่น้อย แม้จะได้แวะมาเยือนเพียงเมืองโซอุนเกียว ประตูสู่ไดเซะทซึซัน เพราะที่นี่นอกจากจะเป็นแหล่งน้ำร้อนดังแล้ว ยังมีสัญลักษณ์อันโดดเด่นคือน้ำตกกินงะโนะทะกิ และน้ำตกริวเซโนะทะกิที่พรั่งพรูมาจากการละลายของหิมะแห่งขุนเขายะเยือก
เมื่อคุณผู้อ่านเดินทางด้วยรถโดโฮะกุบัสสายโซอุนเกียวจากสถานีคะมิคะวะ ผ่านตัวเมืองโซอุนเกียวมาอีกประมาณ 3 กิโลเมตร ตามเส้นทางเลียบเลาะโตรกธารอิชิคะริอันเชี่ยวกรากแต่งดงามด้วยความพิสุทธิ์ของธรรมชาติสมกับเป็นภาพจำของฮอกไกโด จะได้พบตัวน้ำตกสูงตระหง่านเหนือลานจอดรถแบบสบายๆ ชนิดไม่ต้องแคร์กิจกรรมสุดทรหดของพลพรรคนักเดินป่าเลยละครับ (ถ้าต้องการไปเที่ยวสถานที่ใกล้เคียงที่ไม่มีบริการขนส่งสาธารณะร่วมด้วย สามารถเช่ารถขับเองมาจากซัปโปะโระได้ ระยะทางเพียง 150 กิโลเมตรครับ)
หากมองจากกลางลานจอดรถที่โอบล้อมด้วยขุนเขาแล้ว ทางซ้ายมือ เราจะเห็นน้ำตกกินงะโนะทะกิเป็นแนวเส้นเกลียวโค้งลงมานับสายย่อยๆ ได้ไม่ถ้วน แต่พร้อมเพรียงกันอย่างสอดคล้องและสมดุลดุจการแสดงของเกอิชามืออาชีพ จึงไม่น่าแปลกใจที่บรรพชนญี่ปุ่นผู้เปี่ยมด้วยจินตนาการเชิงกวีจึงยกให้กินงะโนะทะกิเป็น “อนนะดะกิ” หรือน้ำตกผู้หญิง
ส่วนทางขวามือ เราจะเห็นน้ำตกริวเซโนะทะกิเป็นแถบน้ำไหลรี่ออกมาจากซอกหน้าผาประหนึ่งสะเก็ดดวงดาวที่ตกลงมาจากสุดขอบฟากฟ้าอันไกลโพ้นในยามราตรี ดูเปี่ยมด้วยพลังอันยากจะคะเนนับ คนโบราณจึงขนานนามให้ริวเซโนะทะกิเป็น แอ่น...แอ๊น “โอะโตะโกะดะกิ” หรือน้ำตกผู้ชาย (ไม่ยักกะมีน้ำตกที่สามแทนเพศที่สามแฮะ...)
หากคุณผู้อ่านมาเยือนน้ำตกทั้งสองในฤดูหนาว (เดือนพฤศจิกายน – ต้นเดือนเมษายน) ไม่ต้องแปลกใจหรอกครับที่น้ำตกทั้งสองจะแข็งเป็นน้ำแข็ง ประหนึ่งสถาปัตยกรรมตามธรรมชาติ หากได้เดินทางมาชมร่วมกับเทศกาลหิมะที่ซัปโปะโระ คุณผู้อ่านก็คงมีโอกาสได้เทียบเคียงฝีมือในการสร้างสรรค์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติได้เลยครับ