จากสถานีรถไฟฮาโกดาเตะ เราสามารถเดินทางไปยังจุดขึ้นกระเช้าชมวิวบนยอดเขาฮาโกดาเตะได้หลายทาง ทั้งรถแท๊กซี่ รถรางและเดินเท้า แล้วแต่ความสะดวก ฉันเลือกเดินเท้าเพื่อชมวิวตามสองข้างทาง เดินผ่านตลาดเช้า แวะร้านค้าต่างๆ และถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ฮาโกดาเตะเป็นเมืองเล็กๆ เงียบสงบ ถนนหนทางไม่ซับซ้อน มองเห็นยอดเขาฮาโกดาเตะและกระเช้าที่ขึ้นลงตลอดเวลาได้แต่ไกล ฉันใช้เวลาเดินไปประมาณ 30 นาทีก็ถึงบริเวณเนินเขา และอาคารที่เป็นจุดขึ้นลงของกระเช้า ฉันคว้าแผนที่และใบปลิวที่วางแจกบริเวณล๊อบบี้ของโรงแรม มีคูปองที่สามารถใช้เป็นส่วนลดค่ากระเช้าขึ้นชมวิวยอดเขาฮาโกดาเตะได้จากราคาปกติ 1,160 เยน เหลือ 1,050 เยน เป็นราคาขึ้นกระเช้าทั้งไปและกลับ กระเช้าที่ใช้โดยสารมีขนาดใหญ่และแข็งแรง สามารถจุได้นับร้อยคน เมื่อขึ้นกระเช้ามาถึงอาคารของจุดชมวิว ภายในมีร้านค้าขายของที่ระลึก ร้านอาหาร และร้านถ่ายรูปไว้บริการ เดินต่อไปจนถึงดาดฟ้าของอาคารเป็นลานกว้างให้ชมวิว มีราวกั้นสูง ผู้คนถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนานแม้อากาศเย็นมากและมีลมแรงตลอดเวลา ถ้ามีโอกาสควรขึ้นมาชมวิวช่วงเวลาที่ท้องฟ้ายังสว่างอยู่จนกระทั่งเริ่มมืดลง ถนนหนทางและบ้านเรือนเริ่มเปิดไฟ จะได้เปรียบเทียบให้เห็นบรรยากาศแบบกลางวันและกลางคืน ฉันถ่ายรูปและยืนนิ่งมองภาพวิวที่ได้รับการยกย่องว่าสวยงามระดับโลก ภาพเมืองฮาโกดาเตะของจริงที่สายตามองเห็นนั้นสวยงาม กว้างใหญ่ และดูมีพลัง ความระยิบระยับของแสงไฟยามค่ำคืนแลดูมีชีวิตชีวาน่าตื่นตาตื่นใจมากกว่าภาพที่เคยเห็นในหนังสือท่องเที่ยวต่างๆ มาก ผู้คนที่มากับทัวร์เริ่มทยอยกลับไป อากาศก็เริ่มเย็นลง ฉันเดินลงมาที่ร้านอาหารชั้นสองชื่อว่า Genova restaurant เลือกที่นั่งริมกระจกเพื่อชมวิวต่อ บรรยากาศสุดยอดโรแมนติกจนอดคิดไม่ได้ว่าอาจมีใครเคยมาขอแต่งงานกันบนนี้ เมื่ออ่านโบรชัวร์ที่ได้รับแจกมาพบว่า บริเวณชั้น 3 มีห้องรับจัดเลี้ยงงานแต่งงาน ซึ่งจุได้ประมาณ 72-100 คน นอกจากนี้ยังมีห้องสำหรับจัดงานอื่นๆ เช่น คอนเสริต งานสัมนา เป็นต้น เมื่อลงจากกระเช้าตอนขากลับ ฉันเดินไปนั่งแท๊กซี่บริเวณหน้าอาคารเพื่อกลับโรงแรมที่พักย่านสถานีรถไฟฮาโกดาเตะ ค่ารถแท๊กซี่ 690เยน ใช้เวลาประมาณ 10 นาที หากเดินทางกัน 3-4 คน เที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ภายในเมือง แท๊กซี่น่าจะเป็นตัวเลือกที่สะดวกสบายกว่ารถรางในราคาที่พอๆ กัน
Rujiko Chan
- ใช้เวลาอ่าน 1 นาที