ญี่ปุ่น เป็นประเทศในฝันของใครหลายๆ คน ที่จะต้องไปสัมผัสสักครั้ง ส่วนหนึ่งของนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปญี่ปุ่น เป็นนักเดินทางแบบ Backpacker ด้วยเส้นทางคมนาคม และระบบสาธารณูปโภคที่ถูกออกแบบไว้เพื่อคนทุกเพศ ทุกวัย รวมถึงคนพิการ และยังเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
เมืองท่องเที่ยวที่เป็นที่รู้จักดี คงไม่พ้น โตเกียว เกียวโต และโอซากา บนเกาะ ฮอนชู ซึ่งเป็นเกาะใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น แต่อีกสถานที่หนึ่งที่เริ่มเป็นที่รู้จักก็คือเสน่ห์ทุ่งสกีหิมะในฤดูหนาวที่ละเอียดดุจเม็ดทราย และทุ่งดอกไม้ในฤดูร้อนที่สดใสสวยงาม ของเกาะฮอกไกโด
นอกจากธรรมชาติที่สวยงามแล้ว ฮอกไกโดยังมีเมืองที่แสนโรแมนติกที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดก็คือ เมืองโอตารุ ที่เดินทางด้วยรถไฟเร็ว JR ฮาโกดาเตะ จากซัปโปโร ไปโอตารุ โดยใช้เวลาเพียง 40 นาที
คลองโอตารุที่ขนาบข้างด้วยโกดังสินค้าเก่านับเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ ด้วยความที่โอตารุได้ชื่อว่าเป็นเมืองท่าทางการค้าที่สำคัญแห่งหนึ่งในอดีต และทางการเองก็พยายามคงไว้ซึ่งเสน่ห์ของอาคารเหล่านี้ โดยปรับปรุงภายในอาคาร ให้เป็นร้านค้า ร้านอาหาร แต่ยังคงสภาพภายนอกไว้ได้ใกล้เคียงกับของเดิมมากที่สุด
ทัศนียภาพของคลองโอตารุ ไม่ว่าจะเป็นในยามฤดูหนาว หรือฤดูร้อน เรียกได้ว่ามีความโรแมนติกที่แตกต่างกัน หรือแม้กระทั่งภาพในยามบ่ายและยามค่ำคืน ก็ตาม หลังจากดื่มด่ำกับความโรแมนติกของคลองโอตารุแล้ว เมื่อเดินข้ามฝั่งถนนมาอีก 1 ช่วงตึก ก็จะพบกับถนน ซาคะอิมิชิ (Sakaimichi Street) ถนนสายช็อปปิ้งที่เรียงรายไปด้วยร้านอาหาร ร้านขนม และอาหารทะเล สลับกับร้านขายของที่ระลึกหลากหลาย โดยเฉพาะเครื่องแก้ว ที่เป็นของที่ระลึกประจำเมืองนี้ เครื่องแก้วที่นักท่องเที่ยวนิยมซื้อกลับมาเป็นของฝากคงหนีไม่พ้นปากกาแก้วที่ขีดเขียนได้จริงเหมือนปากกาทั่วไป และกระดิ่งแก้วกลม สวย ที่นักท่องเที่ยวจะได้ยินเสียงกังวานยามต้องสายลม จากระเบียงบ้านเรือนระหว่างที่กำลังเพลิดเพลินกับการเดินชมเมือง สุดถนนซาคะอิมิชิ ก็จะพบกับ นาฬิกาไอน้ำที่ตั้งโดดเด่นหน้าอาคารพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี ซึ่งสร้างโดยช่างนาฬิกาชาวแคนาดาในปี ค.ศ.1977 เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของโอตารุเลยก็ว่าได้ และด้วยกลไกของนาฬิกาที่ขับเคลื่อนด้วยไอน้ำ เมื่อไปถึงแล้วก็ลองเข้าไปฟังดูใกล้ๆ จะได้ยินเสียงน้ำเดือดตลอดเวลา และไอน้ำเหล่านี้ก็จะพวยพุ่งออกมาบอกเวลาทุก 15 นาที และเมื่อครบชั่วโมงก็จะมีเสียงหวูดไอน้ำบรรเลงบอกเวลา เรียกความสนใจให้กับผู้คนที่เดินผ่านไปมาได้ไม่น้อยเลย เมื่อชื่นชมนาฬิกาไอน้ำแล้วก็อย่าลืมแวะชมพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีที่มีกล่องดนตรีหลากหลายรูปแบบให้เลือกซื้อเป็นของฝาก หรือใครอยากทำกล่องดนตรีที่มีรูปแบบเฉพาะของตัวเองก็ลงมือสร้างสรรกันได้ตามอัธยาศัย
อาหารการกินในโอตารุ ซูชิเรียกว่าเป็นพระเอกของที่นี่ก็ว่าได้ ย่านร้านขายซูชิที่เป็นที่รู้จัก คือ ซูชิโดริ แปลตรงๆ ก็คือถนนซูชิ อยู่ไม่ได้ไกลจาก คลองโอตารุและย่านซะคาอิมิชิเลย ตั้งแต่หัวถนนซูชิโดริ ก็จะเรียงรายไปด้วยร้านซูชิตลอดทั้งสองฟาก ร้านไหนมีเมนูเด็ดอะไรก็ดูได้จากเมนูร้านและตัวอย่างอาหารที่ทำไว้ดึงดูดลูกค้า นอกจากซูชิแล้ว อีกหนึ่งเมนูขึ้นชื่อก็คือ เนื้อหอยเม่นสดๆ ชนิดที่ว่ากำลังตักเนื้อเข้าปากแล้วหนามยังขยับดุ๊กดิ๊กๆ ได้อยู่ ก็หาชิมได้ในสนนราคาที่ไม่แพงมาก
นักท่องเที่ยวสามารถใช้เวลาไม่เกิน 3-4 ชั่วโมง สำหรับการท่องเที่ยวในโอตารุ ขึ้นอยู่กับว่าจะแวะช็อป ชิม ชิล ร้านไหนนานเป็นพิเศษ มาเที่ยวโอตารุทั้งที เรียกว่าได้ครบทั้งบรรยากาศโรแมนติก ช็อปปิ้ง และยังอิ่มท้องในรสชาดแบบต้นตำรับอีกด้วย
Tips:
นักท่องเที่ยวต่างชาติ สามารถซื้อตั๋ว Sapporo-Otaru Welcome Pass ในราคา 1,500 เยน เดินทาง ไป-กลับ ซัปโปโร-โอตารุ และใช้โดยสารรถไฟใต้ดินในซัปโปโรได้ฟรีภายในวันเดียวกัน http://www2.jrhokkaido.co.jp/global/english/railpass/welcome.html
ผลไม้ขึ้นชื่อที่เมื่อไปถึงฮอกไกโดแล้วต้องลองให้ได้คือ เมลอนหวานหอมที่แช่จนเย็นฉ่ำ รับรองได้ว่าชิ้นเดียวไม่พอจริงๆ
การเดินทางท่องเที่ยวรอบเมืองโอตารุ นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการรถชมเมือง หรือรถลาก จินริกะชะ ที่สามารถเลือกเส้นทางเองได้ตามความสนใจ