มาเริ่มกันที่การแนะนำบริเวณนี้ในสมัยของจักรพรรดิซูจิ (ประมาณช่วงศตวรรษที่หนึ่ง) ยูกิของอิบารากิเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเส้นไหมคุณภาพสูง โดยเฉพาะกิโมโน แม้ว่าจำนวนของช่างทอผ้าจพเริ่มลดน้อยลงแล้ว แต่ก็ยังมีสถานที่ให้คุณได้เรียนรู้ศิลปะโบราณนี้และลองลงมือทำด้วยตนเอง
อย่างเช่นที่สุมุงิ โนะ ยากาตะในยุกิ ภายในร้านเต็มไปด้วยผ้าพันคอ กระเป๋าสตางค์ และอะไรอื่น ๆ ที่ถักทออย่างงดงามให้คุณได้ชื่นชม มีเครื่องทอผ้าแบบบุคเก่าวางแสดงอยู่ด้วย เครื่องทอนี้ไม่เหมือนกับรุ่นใหม่ที่เป็นแบบอัตโนมัติ มันเคยเป็นเหมือนอวัยวะส่วนหนึ่งกับช่างทอผ้าเลย การถีบจักรหมายถึงเกี่ยวเท้าเข้ากับคันเหยียบและเริ่มการถักร้อยโดยรัดติดกับลำตัว และใช้น้ำหนักของตัวช่างทอช่วยรักษาความตึงของเส้นด้ายนำ การได้ดูช่างทอผ้าเป็นส่วนหนึ่งกับเครื่องทอ และเคลื่อนผ่านกระสวยใหญ่สามชิ้นของเส้นด้ายย้อมสีในเครื่องทอผ้าสุดซิกแซกนั้นทำให้ร้องอ๋อเลยว่าทำไมกว่าจะทอผ้าเสร็จไปส่วนหนึ่งต้องใช้เวลาถึงสามเดือน เป็นขั้นตอนที่ใช้เวลานานและใช้แรงมาก ก่อนที่ผ้าจะวางขายต้องมีการตรวจคุณภาพกันก่อน ถ้าผ้ามีเส้นด้ายน้อนกว่า 168 เส้นต่อตารางเมตรถือว่าไม่ผ่าน
และบังมีอีกหลายขั้นตอนที่ต้องทำก่อนจะถ่ายภาพเครื่องทอผ้าได้ ปกติวิธการผลิตก็เริ่มจากกรังไหมเล็ก ๆ เปลือกแข็งที่เป็นต้นดำเนิดเส้นไหม ซึ่งจะถูกเก็บมาแช่น้ำผสมน้ำมันเล็กน้อย คอยยืดออกจนตัวมันมีรูปคล้ายถุงและขนาดเท่ามือ แต่ละถุงจะถูกปั่นเข้าไปในเส้นด้ายยาวด้วยมือ ใช้มือซ้ายเพื่อดึงไหมที่ถักไว้เข้าหาตัว จากนั้นทำให้ปลายนิ้วมือข้างขวาเปียกและพลิกไหมที่ร้อยไว้ไปทางขวาแรง ๆ ให้เกิดเป็นผืนผ้า ทำซ้ำเรื่อย ๆ จนกว่าเส้นไหมหมด
เมื่อเส้นด้ายเตรียมเสร็จแล้วก็ต้องย้อมสี ลวดลายที่ใช้ในปัจจุบันจะถูกเลือกตามฤดูกาลโดยผู้ค้าส่งแล้วส่งต่อไปยังช่างทอผ้า จากนั้นผู้เชี่ยวชาญจะใช่เวลาในการวางตำแหน่งเส้นด้าย ผูกตรงตำแหน่งที่ไม่ต้องการให้ย้อมสีเหมือนกับการมัดย้อม แค่ขั้นตอนนี้เพียงขั้นเดียวก็ใช้เวลาหลายสัปดาห์ หรืออาจเป้นเดือน และเพราะค่าตอบแทนกับความต้องการอาชีพต่ำทำให้เหลือเพียงไม่กี่คนที่ยังสามารถทำงานนี้ได้อยู่ และเมื่อมีการวางลวดลายเสร็จและผ้าพร้อมนำไปย้อมสีก็จะผ่านกระบวนการพิเศษที่นำเส้นใหม่มหาศา่ลมาผูกกันแล้วนำไปฟาดกับแผ่นหินอย่างระมัดระวังเพื่อให้สีกระจายเท่ากัน
จากนั้นเส้นด้ายก็จะถูกนำขึ้นแท่นถักที่ต้องใช้เวลาเกี่ยวด้ายตามแนวตั้งและแนวขวาง จากนั้นก้เข้าสู่การทอขั้นสุดท้ายที่ผ้าไหมทอลวดลายกลายไปเป็นเครื่องแต่งกายสุดงดงามของยูกิ โดยเฉลี่ย กิโมโนชุดหนึ่งใช้รังไหม 2,000 รัง และอาจต้องใช้เวลาทำกันเป็นปี จึงทำให้มีมูลค่ามหาศาลมาก
สำหรับใครที่อยากลองก็มีแท่นทอใหม่ที่ตั้งอยู่ในอาคารถัดไป พอให้สิบคนทอได้พร้อม ๆ กัน และนักท่องเที่ยวสามารถทอผ้าของตนเองได้ด้วย ไม่ถึง 15 นาทีเราก็ได้ผ้ารองแก้วทำเองไปอวดแล้ว และยังได้ความรู้เพิ่มด้วยว่าการสร้างงานศิลปะแบบต่าง ๆ ต้องใช้แรงงานแบบไหนที่นิทรรศการในโกดังที่อยู่ใกล้กัน
น่าเสียดายที่ในปัจจุบันการทอไหมกลายเป็นศิลปะที่ใกล้สูญหาย แม้ว่าจะมีการส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น แต่หนุ่มสาวเพียงไม่กี่คนหรอกที่จะเลือกอาชีพตามรอยพ่อแม่ เมื่อก่อนนั้นการไปฝึกหัดเป็นศิษย์กับอาจารย์อยู่สามปีนั้นคือเรื่องปกติ แต่ปัจจุบันมีการไปฝึกเรียนเหลือเพียงปีละสามสี่หนเท่านั้น คนที่ไปฝึกส่วนใหญ่ก็อายุใกล้เกษียณแล้ว และด้วยราคาที่สูงค่าทำให้ความต้องการลดน้อยลง และแรงจูงใจให้ทำต่อก็เริ่มหายไปด้วย
อย่างไรก้ตาม จากการที่ยูกิได้ชื่อเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโก้ จึงได้เริ่มมีการหันมาสนใจวัฒนธรรมท้องถิ่นของที่นี่กันอีกครั้ง ทั้งนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามา ทั้งศิลปินที่หาวิธีทำไหมให้กลายเป็นสินค้านวัตกรรมและดีไซน์ทันสมัย และเหล่าช่างฝีมือท่ได้รับเชิญให้มาร่วมงานตลาดซื้อผ้าปาริเซียงประจำปี 2011 ที่ได้ลูกค้าใหม่จำนวนมากในเวลาข้ามคืน สุมุงิ โนะ ยากาตะ และบริเวณอื่นในยูกินั้นมีให้ลองย้อมหรือทอผ้าของคุณเองได้ ลองสวมใส่ชุดกิโมโนคู่รักสูงค่าจาสมัยเอโดะหรือเก่ากว่านั้นและกิจกรรมน่าสนุกอีกมากมาย ไม่ว่าคุณจะอยากลงมือทำเองหรือแค่อยากชมกระบวนการ สถานที่เหล่านี้ไม่ได้มีดีแค่ให้ความรู้เกี่ยวกับมรดกทางวัฒนธรรมที่แสนงดงามเท่านั้น แต่ยังให้ลองมีส่วนร่วมดูดด้วย