ในเย็นวันอังคารที่อากาศครึ้มและหนาวเย็น ฉันนั่งรถไฟไปฮาระซึ่งอยู่เกือบสุดสายชิโดะ โคโตเด็น กับอาจารย์บางท่านและจากนั้นเราได้เดินไปบนถนนมืดๆเพื่อไปยังคะมะกุระ
ฉันได้รับเชิญเมื่อสัปดาห์ก่อนพร้อมกับคำขอโทษที่นัดต้องเป็นวันอังคารแทนวันเสาร์เพราะวันเสาร์ร้านถูกจองเต็มไปจนถึงเดือมีนาคม
ฉันไม่ได้แปลกใจอะไรมากเมื่อเข้ามาถึงในห้องที่มีพื้นเป็นคอนกรีตและผนังไม่ตกแต่ง ในห้องมี 6 โต๊ะใหญ่เป็นโลหะกระจายอยู่รอบๆพร้อมด้วยกลุ่มคนที่นั่งรายล้อมอยู่
คนในกลุ่มเราบางคนมาถึงบ้างแล้ว เราจึงดึงม้านั่งรอบๆโต๊ะโลหะมานั่งซึ่งตรงนั้นมันร้อนมาก
ฉันรับเบียร์มาจากกระเป๋าเก็บความเย็นของอาจารย์ บอกตรงๆว่านี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นธรรมเนียมนำอาหารมาเองในประเทศญี่ปุ่น เราได้แต่กล่าว”ดื่มและขอบคุณซึ่งกันและกัน!”แต่ไม่มีใครสั่งอาหารหรือเรียกพนักงานเสิร์ฟเลย
ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่าเกิดอะไรขึ้นจนกระทั่งนาฬิกาจับเวลาส่งเสียงร้องและจากนั้นผู้หญิงในผ้ากันเปื้อนก็เดินมายกฝาโลหะออกจากตรงกลางโต๊ะโดยใช้รอกดึง
ภายในเป็นเตาย่างกว้าง 15 ตารางเมตร มีหอยนางรมวางอยู่เต็มไปหมด
ผู้หญิงคนหนึ่งเริ่มส่งแหนบยาวให้คนอื่นๆ เราเริ่มทานโดยใช้มีดที่เค้าให้มา
หอยนางรมอร่อยจริงๆ ฉันเห็นบางคนซื้อมะนาวและน้ำส้มสายชูมาบีบใส่หอยนางรมแต่ส่วนใหญ่เราทานกันแบบเปล่าๆ ทานไปโยนเปลือกหอยทิ้งไปในตะกร้าใต้โต๊ะไป
เมื่อตรงเตาย่างไม่มีอะไรเหลือแล้ว ฉันก็แปลกใจที่เห็นว่ามีรางเติมหอยต่อเข้ามาผ่านกำแพงในห้องจากด้านนอก
“มาธ่า?” ฉันถามอาจารย์ “ยังมีอีกหรือ?”
“ไฮ้”เธอหัวเราะเมื่อเห็นฉันประหลาดใจ “เติม 5 ครั้งแล้วนะเนี่ย”
หอยนางรมถูกนำมาเติม ฝาปิดลงและมีการตั้งเวลาอีกครั้งหนึ่ง
เราดื่มเบียร์และพูดคุยในขณะที่รอ
ดูเหมือนว่าฉันเป็นคนเดียวที่ไม่เคยมาที่นี่มาก่อน เพื่อนร่วมงานของฉันทุกคนเคยมาที่กันแล้วอย่างน้อยก็ครั้งหนึ่งและฉันก็เพิ่งรู้ว่าที่นี่ค่อนข้างมีชื่อเสียง หากใครเป็นแฟนตัวยงของหอยนางรมเค้าจะมาที่นี่กัน
อีกทั้งภาษาญี่ปุ่นของฉันแย่กว่าที่คิดแต่ฉันคิดว่าพวกเขากำลังเล่าให้ฉันฟังว่าเจ้าของร้านเลี้ยงม้าอยู่หลังร้าน
หอยนางรมชุดที่ 2 พร้อมแล้วและเราก็เริ่มทานกัน ผู้หญิงคนนั้นจะคอยเช็คให้แน่ใจว่าด้านหน้าแต่ละคนจะมีที่คีบอย่างน้อย 1 อัน
และก็เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆที่มีการเติมแล้วเติมอีก จนกระทั่งผู้หญิงคนนั้นถามว่า”จะรับเพิ่มอีกไหม?” พวกเราตอบกลับไปเสียงดังว่า”ไม่!” พร้อมโบกไม้โบกมือ
มื้ออาหารจบด้วยข้าวผัดหอยนางรมถ้วยเล็กๆและซุปมิโซะซึ่งหมายความว่าเราได้ลองทานอาหารทุกอย่างในเมนูขนาดเล็กแล้ว
ราคาอยู่ที่ 3,000 เยนซึ่งค่อนข้างเหมาะสมกับปริมาณหอยนางรมจำนวนมากที่ทานเข้าไป เราจ่ายเงินและขอบคุณในความเป็นมิตรของเจ้าของร้าน
จากนั้นเรากลับออกไปข้างนอกปะทะกับอากาศหนาว ทั้งจุกทั้งมีความสุขปนกัน