ตอนอยู่เกียวโตคงไม่ได้คิดจะไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำกันใช่ไหมคะ?คำถามที่สองคือ มันคุ้มราคา 6,800 เยน สำหรับพาทั้งครอบครัวทัวร์พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเป็นเวลา 90 นาทีไหม? โชคดีค่ะที่แฉันไม่ได้เป็นคนจ่าย ค่าเข้าของลูกชายวัยสามขวบของฉันอยู่ที่ 600 เยน แต่สำหรับคุณป้าของเขา ตัวฉันเอง และพ่อของลูก จ่ายคนละ 2000 เยน อุต่ะ
ฉันจำได้ตอนเดินกับครอบครัวผ่านสวนสาธารณะอุเมะโคจิในเดือนมกราคม ค.ศ. 2012 และเห็นการก่อสร้าง ซึ่งต่อมาก็ถูกเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำในเดือนมีนาคมปี 2012 หลังจากเกิดการโต้เถียงกันอย่างมาก
เราไปเยี่ยมครอบครัวในเกียวโตปีละครั้งสองครั้งในช่วงวันหยุดที่สถานที่ท่องเที่ยวอย่างพิพิธภัณฑ์ส่วนใหญ่จะปิด แต่เราก็ได้รู้ในครั้งนั้นว่าพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเกียวโตเปิดทั้ง 365 วันตลอดปี จริง ๆ แล้วฉันก็รู้สึกเศร้าใจที่ต้องเห็นสัตว์อย่างโลมากับเพนกวินที่ต้องพรากจากบ้านเกิดในธรรมชาติมาไกล แต่ฉันก็ไม่อยากนั่งแหง็กอยู่หน้าจอทีวีที่บ้านของแม่ยาย
เราขึ้นแท็กซี่มา 5 นาทีจากสถานีเกียวโตเจอาร์ไปยังพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ซึ่งถ้าเดินมาก็ออกจะไกลไปสักหน่อยสำหรับเด็กตัวเล็ก ๆ และอากาศที่หนาวเหน็บด้วย ขอแนะนำให้ดูเว็บไซต์ของพิพิธภัณฑ์หรือไปที่ศูนย์ข้อมูลของสถานีเกียวโตเพื่อดูวิธีการขึ้นรถบัส ถ้าเกิดคุณไม่อยากเดินมา มีรถบัสรับส่งในช่วงวันเสาร์อาิตย์และวันหยุดราชการด้วยแต่ตอนนั้นเราไม่รู้
ที่ทางเข้าตรงเคานท์เตอร์ขายตั๋วจะมีห้องน้ำที่น่าประทับใจ ทั้งห้องนำของเด็กเล็ก โถของเด็กในฝั่งผู้หญิง การออกแบบน่ารัก ๆ ห้องเปลี่ยนชุดที่มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับทารก และห้องน้ำคนพิการด้วย
มีคนอยุ่เต็มพิพิธภัณฑ์ ก็อย่างที่บอกค่ะว่ามันเป้นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวในร่มไม่กี่แห่งของเกียวโตที่สามารถพาครอบครัวไปได้ช่วงวันที่หนาวเหน็บของวันหยุดปีใหม่ สิ่งแรกที่จะได้ชมคือนิทรรศการน้ำบริสุทธิ์ เป็นจุดไฮไลต์ที่จะได้ชมสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำขนาดยักษ์กำลังแหวกว่าย ในส่วนถัดไป คือแท็งค์ปลาเขตร้อนที่เป็นกระจกใสตั้งแต่พื้นจนติดเพดาน เราต้องต้องนั่งยอง ๆ อยู้หน้าแท็งก์ 15 นาทีเพื่อสำรวจชีวิตแห่งท้องทะเล นักดำน้ำสองคนให้อาหารปลาตรงหน้าเรา พอเดนไปอีกจุดหนึ่งของแท็งค์เดียวกันกับแมวน้ำในแท็งค์ยักอีกแท็งค์ซึ่งมีอยู่หลายมุมให้ชม พวกมันจะแหวกว่ายผ่านกระจกแทบจะตรงหน้าคุณ การออกแบบของพิพิธภัณฑ์นี้ดีมาก ทำให้นึกถึงสวนสัตว์อาซาฮิยาม่าในฮอกไกดด ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นสวนสัตว์ที่ออกแบบยอเยี่ยมที่สุดในประเทศ
ไม่นานเราก็ถอดเสื้อหนาวออกแล้ววางไปบนรถขนเด็กที่ลูกชายวัยสามขวบของฉันไม่ต้องใช้เพราะเขาเอาแต่หน้าแนบกระจกใหญ่เลย ฉันขอแนะนำให้ใช้ตู้ล็อคเกอร์ใกล้กับเคานท์เตอร์ขายตั๋วเพื่อฝากสัมภาระที่จะทำให้คุณเดินไม่คล่องตัว ส่วนเพนกวินกับโลมาที่อยู่ด้านนอกนั้น คุณต้องใช้แจ็คเก็ต ผ้าพันคอ ถุงมือ ในช่วงฤดูหนาว และคุณอาจต้องใช้แว่นกันแดด ที่บังแดด และพัดสำหรับการแสดงโลมา พี่สะใภ้กับสามีของฉันได้ยินการประกาศเรื่องโชว์โลมา จึงฉันกับลูกชายไปยังบริเวณนนั้น และจะไม่มีเด็กมายืนบังกันหน้าแท็งก์ "เร็วเข้า!" พวกเขาร้องขึ้น "ต้องไปหาที่ดี ๆ ก่อน" แต่เราก็ไม่ได้อยากไปดูใกล้ขนาดนั้นเพราะอาจโดนน้ำกระเด็นใส่ได้ แบบนั้นได้แข็งตายแน่ เราได้ที่นั่งกลาง ๆ ซึ่งเห็นวิวสวย ๆ ของสวนสาธารณะ ชินคันเซน และขอบฟ้าของเกียวโต คนค่อนข้างเยอะแต่ไม่ถึงกับเต็ม 100% แต่ก็ต้องขอบอกว่ามันเป้นวันที่คึกคักที่สุดในรอบปี การแสดงโลมานั้นสุดยอดเลย พวกเขาฝึกสัตว์อย่างโลมาให้เล่นเหมือนม้าหรือสุนัขได้อย่งไรกันนะ? ฟินมาก ๆ!
ถ้าคุณกะจะอยู่ในเกียวโตทั้งปี ก็สามารถใช้บัตรผ่านพิเศษ ซึ่งมีราคาเท่ากับค่าเข้าสองวัน แต่ทำไมถึงถูกจังล่ะ? ฉันว่าสำหรับคนส่วนใหญ่ มาแค่ปีละครั้งก็พอแล้ว
เรามาถึงพิพิธภัณฑ์ตอน 11 โมงเช้า การแสดงโลมาจบตอนประมาณ 12:30 น. ตอนนั้นลูกชายฉันหิวมากแล้ว และจุดสุท้ายที่เราแวะ ก็เหมือนกับตามสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ นั่นคือกิ๊ฟช็อป เรายังไปไม่ได้จนกว่าลูกชายฉันจะเลือกของเล่นอาบน้ำพลาสติกสุดแพงเสร็จ แถว ๆ นั้นไม่ค่อยมีร้านอาหาร เราเลยขึ้นแท็กซี่กลับไปยังสถานีเกียวโตเพื่อหาอะไรกิน เราได้รับการแสตม์ที่มือจะได้กลับเข้าพิพิธภัณฑ์ได้ในวันนั้น แต่เราก็ไม่ได้จะกลับไปอีกครั้ง