แท่นหินริมหน้าผ้าที่ถูกล้อมรั้วไว้เป็นอย่างดีนั้นอาจไม่ใช่สถานที่สำคัญอะไรนักสำหรับคนทั่วไปที่อยากขึ้นมาเที่ยวชมวัดแห่งนี้ แต่สำหรับผมทันทีที่เดินมายืนอยู่ตรงจุดนี้ภาพในที่พลันผุดขึ้นนั้นเป็นภาพของนักบวชที่กำลังนั่งแสวงบุญอย่างอิ่มสุข สงบจิตให้หยุดนิ่งได้จนก่อเกิดสมาธิและปัญญาโดยมีธรรมชาติตลอดจนขุนเขาเป็นสัปปายะแห่งธรรม
ขุนเขาคุรามะ (鞍馬山 - Kurama Mountain) นั้นเป็นภูเขาที่ตั้งอยู่ทางตอนตะวันตกเฉียงเหนือของเกียวโต ขุนเขาอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์นี้เต็มไปด้วยเรื่องราวตำนานมากมายซึ่งก็รวมไปถึงการเป็นสถานที่สถิตย์ของเทพเจ้าโซโจโบ (Sojobo) ที่ได้รับฉายาว่าเป็นราชาแห่งเทพ (King of Tengu) ในศาสนาชินโตนั่นเอง บนภูเขาแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของ วัดคุรามะ (鞍馬寺 - Kurama-dera / Kurama Temple) ศาสนสถานอันเก่าแก่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นหนึ่งในมรดกแห่งชาติของญี่ปุ่น (National Treasures of Japan) อีกด้วย
*****************************************************
บ้านแห่งนักรบผู้กล้า
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้หุบเขาแห่งนี้มีชื่อเสียงมากก็คือการที่วัดคุรามะนั้นเคยเป็นที่พำนักในวัยเยาว์ของ มินาโมโตะ โนะ โยชิสึเนะ (みなもとの よしつね - Minamoto no Yoshitsune /源義経 – Minamoto Yoshitsune) ซึ่งเขาเป็นผู้พันของกลุ่มนักรบมินาโมโตะแห่งญี่ปุ่นอันเกรียงไกรในอดีตช่วงระหว่างปลายยุคเฮอังถึงต้นยุคคามากุระ ซึ่งได้รับยกย่องว่าเป็นผู้กล้าแห่งแดนอาทิตย์อุทัยเลยทีเดียว โดยชื่อของขุนศึกผู้นี้มักจะถูกนำไปกล่าวถึงในทางวรรณกรรมและภาพยนตร์ของญี่ปุ่นมากมายหลายเรื่องอีกด้วย
*****************************************************
จากเกียวโต – ผมใช้เวลาไม่นานนักนั่งรถไฟขนาดเล็กสาย Kurama Line ของ Eizen Electric Railway ผ่านชุมชนเล็กๆ น่ารักมากมายจนกระทั่งเข้าสู่โซนผืนป่าอันเขียวขจี เส้นทางอันงดงามแห่งนี้เป็นหนึ่งในเส้นทางนั่งรถไฟชมวิวยอดฮิตที่ได้รับการจัดอันดับว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่งของเกียวโตเลยทีเดียว (โดยเฉพาะฤดูใบไม้ร่วงที่ใบไม้สองข้างทางจะเป็นสีแดงงดงามมาก) และที่สถานีสุดท้าย Kurama Station นั้นก็คือจุดหมายปลายทางของเส้นทางชื่นชมธรรมชาติตลอดจนแสวงบุญในครั้งนี้ ซึ่งเปิดฉากต้อนรับผมด้วยสถานีอันเก่าแก่คลาสสิก ก่อนที่จะเจอกับหน้ากากเทพเจ้าเท็นกุอันใหญ่ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษ์สำคัญของที่นี่ พร้อมมอบไมตรีที่น่าหลงใหลด้วยเมืองเล็กๆ น่าอยู่อันเป็นชุมชนที่อยู่ตีนภูเขาตรงทางขึ้นไปยังวัดคุรามะนั่นเอง
วัดคุรามะนั้นเป็นวัดในพระพุทธศาสนานิกายมหายานที่อดีตเคยเป็นศาสนสถานสังกัดในวัดโชเร็นอิน (Shoren-in) ภายใต้ศาสนาพุทธนิกายเท็นได (Tendai) ราวช่วงศตวรรษที่ 12 มาจนกระทั่งถึงปี ค.ศ.1949 ก่อนที่จะแยกตัวมาเป็นอิสระและมีนิกายเป็นของตนเองมาจวบจนปัจจุบัน แรกเริ่มเดิมทีนั้นว่ากันว่าวัดคุรามะนั้นก่อตั้งขึ้นครั้งแรกราวศตวรรษที่ 8 ช่วงปี ค.ศ.770 โดยนักบวชผู้ทรงภูมิธรรมอย่างท่าน Gancho ผู้ซึ่งเป็นศิษย์เอกของท่าน Jianzhen นักบวชชาวจีนผู้ก่อตั้งวัดโทโชไดจิ (Toshodai-ji) แห่งเมืองนาระผู้ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการเผยแพร่พระพุทธศาสนาให้รุ่งเรืองในญี่ปุ่นในยุคแรกๆ โดยท่าน Gancho นั้นได้จาริกมาถึงยังภูเขาดังเกล่าและสัมผัสถึงจิตวิญญาณที่ตื่นรู้ได้จึงเริ่มต้นสร้างกระท่อมเล็กๆ ขึ้นเพื่อบำเพ็ญเพียรก่อนที่ Fujiwara Isedo จะเริ่มสร้างวัดนี้อย่างจริงจังขึ้นในปี ค.ศ.796 เพื่อให้เป็นวัดที่ปกป้องราชวงศ์ญี่ปุ่นในยุคนั้น หลังจากนั้นมาวัดนี้ก็เลยกลายเป็นวัดที่ประชาชนเลื่อมใสศรัทธาเรื่อยมา เป็นที่น่าเสียดายว่าอาคารดั้งเดิมอันเก่าแก่นั้นถูกไฟไหม้เผาพลาญจนหมด ซึ่งศาสนสถานปัจจุบันนั้นถูกสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้งในปี ค.ศ.1971
บริเวณตีนเขานั้นต้อนรับเราด้วยประตูวัดอันงดงามอลังการซึ่งนี่คือประตู Nio-mon gate อันเป็นเขตแดนสมมติ ที่เชื่อมระหว่างโลกมนุษย์และดินแดนแห่งทวยเทพ บริเวณประตูนี้จะมีเทวะราชาคอยเป็นผู้อารักษ์อยู่ ซึ่งนี่เป็นประติมากรรมไม้แกะสลักอันทรงคุณค่าจากงานฝีมือของช่างศิลป์ที่สร้างสรรค์ขึ้นราวช่วงศตวรรษที่ 12-13 และหลงเหลือรอดอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
*****************************************************
เทศกาลไฟ
เทศกาลประจำปีแห่งขุนเขาคุรามะที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากก็คือ เทศกาลไฟแห่งคุรามะ หรือ 鞍馬の火祭り- Kurama Fire Festival นั่นเอง โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 22 ตุลาคม ของทุกปี ในวันนี้จะมีการแห่เทพเจ้าจากบริเวณประตูวัดไปเรื่อยตลอดรอบเมืองและกลับมายังศาลเจ้ายูคิ (Yuki Shrine) ที่อยู่บริเวณตีนเขา มีการจุดไฟบูชาตลอดเส้นทางอย่างยิ่งใหญ่อลังการและงดงาม ในแต่ละปีนั้นจะมีผู้มาเยือนเทศกาลนี้ไม่ต่ำกว่า 20,000 คนเลยทีเดียว
*****************************************************
ผ่านประตูมานั้นเราจะพบกับบันไดหินที่เรียงรายไปด้วยเสาโคมไฟไม้แบบญี่ปุ่นตลอดแนวเรื่อยไปตามแนวป่า จากตีนเขาเดินสู่วัดบนปลายยอดนั้นอาจใช้เวลาราว 30-45 นาที ในการเดินเล่นชมธรรมชาติไปเพลินๆ แต่ถ้าหากอยากประหยัดเวลาและกำลังกายเราก็สามารถใช้บริการรถรางไฟฟ้าเพื่อขึ้นสู่ยอดเขาได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
ตัววัดนั้นสงบเงียบเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางขุนเขา ด้านบนนั้นเป็นหนึ่งในสถานที่ชมวิวธรรมชาติที่งดงามทีเดียว โดยเฉพาะฤดูใบไม้ร่วงที่ใบไม้จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองไปจนกระทั่งสีแดงเกือบทั่วทั้งหุบเขา เป็นความงดงามยอดนิยมอีกจุดหนึ่งที่คนมุ่มมาสัมผัสเสน่ห์ธรรมชาติแห่งฤดูใบไม้แดง
หลายต่อหลายคน (รวมไปถึงหลายต่อหลายสื่อ) กล่าวไว้ว่าวัดแห่งนี้เป็นวัดที่เปี่ยมไปด้วยพลังอย่างแท้จริงท่าจะเป็นความจริง เพราะตั้งแต่ก้าวเข้าสู่อาณาบริเวณแห่งศาสนสถานนี้โดยที่ยังไม่ได้ขึ้นไปสักการะรูปเคารพ เราก็สามารถซึมซับพลังจากธรรมชาติและความสงบเงียบโดยรอบเข้าสู่ภายในตัวไปจนถึงจิตใจอย่างรู้สึกได้ไม่ยาก ราวกับว่าแค่นั่งสงบจิตสักพักท่ามกลางธรรมชาติและขุนเขาพลังก็จะหลั่งใหลเข้าร่างกายให้เรารู้สึกอิ่มบุญและเบิกบานได้ในทันทีที่มาเยือน
สำหรับผม ... ที่นี่คือหนึ่งสถานที่ในการเติมพลังชีวิตให้เราได้อย่างยอดเยี่ยมเชียวล่ะ
---------------------------------------------------------------
วัดคุรามะ (鞍馬寺 - Kurama-dera / Kurama Temple)
+ ที่ตั้ง : 1074 Kurama-honmachi, Sakyo-Ku, Kyoto
+ เวลาให้เข้าชม : ทุกวัน 09.00-16.30 น.
+ ค่าเข้าชม : ¥200 / ค่ารถรางไฟฟ้าขึ้นภูเขา : ¥100/ต่อเที่ยว (เลือกใช้บริการได้ตามความสะดวก)
+ ติดต่อ : +81-75-741-2003 / เว็บไซต์ : www.kuramayama.net (ภาษาญี่ปุ่น)
+ วิธีเดินทาง : ใช้บริการรถไฟฟ้าของ Eizen Electric Railway สาย Kurama Line โดยเริ่มต้นจากสถานีต้นทางในเกียวโต Demachiyanagi Station (E01) นั่งมาลงสถานีปลายทาง Kurama Station (E17)