การได้เดินเที่ยวในเขตโอคาซากิของเกียวโตจะทำให้พบกับความสุขหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การเดินชมความงดงามของศาลเจ้าเฮอันไปจนงานหัตถกรรมสุดประณีตของสาวกมากฝีมือในพิพิธภัณฑ์ เขตทุ่งใหญ่แห่งนี้เป็นดั่งแบบเรียนขั้นพื้นฐานด้านศิลปะและวัฒนธรรมของเกียวโต และเป็นบานหน้าต่างที่เปิดให้เห็นว่าเมืองนี้ไม่หยุดที่จะพัฒนาตนเองตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน ถ้าหากคุณพักอยู่ใกล้ ๆ กับที่นี่ อย่างเช่นโรงแรมเฮอัน โนะ โมริ คุณก็สามารถมาเที่ยวที่นี่ได้หนึ่งวันหรือสองวันเต็ม ๆ เริ่มจากที่ศาลเจ้าโชเรน-อิน, ชิอน-อินหรือเฮอันในช่วงเช้า แล้วไปต่อที่พิพิธภัณฑ์โฮโซมิหรือแห่งอื่น ๆ ในยามบ่าย
ศาลเจ้าเฮอันถูกสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 1,100 ปีที่กรุงเกียวโตเป็นเมืองหลวง แม้จะดูเชยและโบราณในสายตาคนทั่วไป แต่ความจริงแล้วที่นี่มีอายุแค่หลักร้อยปีเท่านั้น ซึ่งถือว่าค่อนข้างจะอายุน้อยในลำดับเวลาประวัติศาสตร์ของกรุงเกียวโต เมื่อเมืองหลวงถูกย้ายไปเป็นโตเกียวเพราะความทันสมันของประเทศในศตวรรษที่สิบเก้า ศาลเจ้าเฮอันได้เปิดโอกาสให้กรุงเกียวโตสามารถเนรมิตพระราชวังเก่าสมัยเฮอันเมื่อพันปีก่อนขึนมาใหม่ รวมไปถึงการสร้างสวนสำหรับเที่ยวชมให้กับประชาชนด้วยในขณะที่เมืองหลวงแห่งใหม่ไม่สามารถทำได้เพราะประเทศที่กำลังพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เหล่าผู้ปกครองเมืองเกียวโตต้องการเชิดชูอดีต แต่ขณะเดียวกันก็มอบความมีชีวิตชีวาแก่ความเป็นปัจจุบันด้วย สถาปนิกและชาวสวนมือดีที่สุดถูกเรียกใช้งานให้ออกแบบพื้นที่อันทันสมัย และทุกช่วงของปีก็จะมีอะไรเด็ด ๆ ให้ชมเสมอ ไม่ว่าจะเป็นซากุระสีชมพูระเรื่อในฤดูใบไม้ผลิไปจนถึงดอกบัวสีเหลืองอร่ามราวแสงอาทิตย์ในฤดูร้อน สีสันของธรรมชาติหยอกเย้าตัดกันกับศาลเจ้าสีแดงสดใสที่คงอยู่เหนือกาลเวลาซึ่งเฝ้าจับตาดูการเปลี่ยนผันของฤดูกาลและคอยปกปักษ์เมืองหลวงที่บัดนี้เปลี่ยนจากเกียวโตไปเป็นโตเกียว เพื่อเป็นการทำตามแนวความคิดนี้ จึงได้มีการสักการะพระจักรพรรดิองค์แรกและองค์สุดท้ายของกรุงเกียวโต ที่มีพระนามว่าองค์จักรพรรดิคัมมุและองค์จักรพรรดิโคเมอิตามลำดับไว้ยังศาลเจ้าแห่งนี้ด้วย
ซึ่งก็คล้ายกันกับที่พิพิธภัณฑ์หัตถกรรมโบราณซึ่งคารวะผลงานศิลปกรรมและงานประดิษฐ์ทำจากมือจากสมัยก่อนของเมืองนี้ แต่ก็นำเสนอออกมาอย่างครอบคลุมและเปิดรับคนรุ่นใหม่ นิทรรศการของที่นี่จะพาคุณไปชมขั้นตอนต่าง ๆ ของการทำหัตถกรรมแต่ละชิ้นอย่างชัดเจนและดูง่าย เหมือนอย่างที่โรงละครกิองที่ไว้สำหรับศิลปะแห่งการแสดง เป็นการให้ความรู้แบบไม่ยัดเยียด และแค่ไปชมเพียง 30 นาทีก็จะทำให้คุณเข้าใจกรรมวิธีนับร้อยปีของศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์ของเกียวโต ตั้งแต่พัดไปจนถึงตุ๊กตาและชุดกิโมโน
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ที่มิยาโกะ เมสเสะ เป็นอาคารคอนกรีตและกระจกที่ดูทันสมัยและมั่นคง โดดเด่นไปทั่วทั้งหัวมุมฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของโอคาซากิ และตั้งอยู่ถัดจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่อย่างมีนัยยะ มันอาจฟังดูไม่เข้ากันเลยกับพิพิธภัณฑ์ที่ในชื่อมีคำว่า "โบราณ" จะตั้งอยู่ในอาคารแบบสมัยใหม่ แต่เจ้าของพิพิธภัณฑ์ต้องการให้ที่แห่งนี้เป็นจุดนัดพบของเหล่าผู้นำในวงการอุตสาหกรรมและนักออกแบบจากทั่วทุกมุมโลก งานศิลปะและหัตถกรรมของเกียวโตมีประวัติศาสตร์ยาวนานในการแลกเปลี่ยนความคิดและปรัชญากับบุคคลภายนอก ดังนั้นในขณะที่คุณกำลังศึกษาเรื่องการออกแบบ เหล่าช่างฝีมือก็จะคาดหวังให้คุณคิดค้นรูปแบบศิลปะใหม่อีกครั้งสำหรับอนาคตเช่นกัน งานฝีมือญี่ปุ่นที่ถูกนำมาจัดแสดงนั้นมีหลายชนิดตั้งแต่สิ่งทอนิชิจิน-โอริไปจนถึงตุ๊กตาแบบเกียวโต (เกียว-นิงเงียว) แล้วก็ยังมีการจัดกิจกรรมและร่วมฝึกปฏิบัติ เช่นการสอนและสาธิตประเพณีการระบำโดยไมโกะจากเขตเกอิชาทั้งสี่ได้แก่ เกียวโต กิอง-โคบุ มิยางาวะ-โช ปอนโตะ-โช และกิอง-ฮิงาชิ รวมไปถึงสาธิตการสร้างงานไม้ไผ่และโลหะโดยเหล่าช่างฝีมืออาวุโสด้วย ถ้าอยากจะสัมผัสให้ใกล้ชิดยิ่งกว่านี้ ลองเข้าเรียนสึริงาตะ-ยูเซน (การย้อมฉลุลายของเกียวโต) ดู และคุณสามารถนำผลงานฝีมือของคุณที่ไม่เหมือนใครเก็บไว้เป็นที่ระลึกจากการมาเยี่ยมชมที่นี่ได้ พิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมฟรี
แม้ว่าการย้ายเมืองหลวงไปโตเกียวจะเกิดขึ้นเมื่อกว่าร้อยปีมาแล้ว แต่ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลจักรพรรดิกับงานหัตถกรรมที่ได้รับการยกย่องของเกียวโตยังคงสดใหม่อยู่ ตุ๊กตา ของขบเคี้ยว และผู้ประดิษฐ์สิ่งของประดับทั่วทั้งคาโมงาวะได้รับการมอบหมายจากวังหลวงให้สร้างสรรค์สุดยอดผลงานฝากไว้แก่หัวกะทิในรุ่นหลัง ถ้าหากพิพิธภัณฑ์หัตถกรรมโบราณกระตุ้นความอยากของคุณแล้วล่ะก็ อย่ามัวรอช้า ข้ามฝั่งแม่น้ำไปร่วมลงเรียนวิชาศิลปะเลย และชมว่าอดีตถูกชุบชีวิตขึ้นมาใหม่ได้อย่างไร