ทางเข้าสวนบีโกเนีย ผ่านประตูโรงเรือนมาเจอมุมนี้เลย (เครดิตรูปภาพ: Supachai Khemmalai)

สวน บีโกเนีย ที่นาบานาโนะซานโตะ

ไป นาบานาโนะซานโตะ ในหน้าหนาวตอนกลางคืนไม่ได้แค่ชมแสงไฟ

ทางเข้าสวนบีโกเนีย ผ่านประตูโรงเรือนมาเจอมุมนี้เลย (เครดิตรูปภาพ: Supachai Khemmalai)
Supachai Khemmalai   - ใช้เวลาอ่าน 1 นาที

การแสดงแสงไฟของนาบานาโนะซานโตะ ในหน้าหนาวนั้น สวยงาม และน่าชื่นชมมาก สำหรับคนที่สนใจต้นไม้ดอกไม้ และก็อยากชมแสงไฟในตอนกลางคืน นาบานาโนะซานโตะก็มี สวนดอกบีโกเนีย ที่เปิดให้ชมในเวลากลางคืนเช่นกัน การชมสวนดอกไม้ตอนกลางคืนนั้น หลายท่านอาจคิดว่าแปลก แต่สวนบีโกเนียที่นี่ไม่เหมือนที่ไหน เพราะเป็นสวนดอกไม้ที่อยู่ในโรงเรือนปรับอากาศ ปรับอากาศในที่นี่ไม่ได้ปรับจนร้อน เขาปรับให้เหมาะสมกับการเติบโตของต้นบีโกเนีย และ ไม้ที่ชอบความเย็นอื่นๆ เมื่อเขาปรับอากาศเหมาะสมแล้วเขาก็เปิดแสดงดอกบีโกเนียกันได้ทั้งปี ต้นบีโกเนียเป็นไม้ที่มีสายพันธ์หลากหลายและ ปลูกได้ในหลายสภาพอากาศ ทั้งเมืองร้อนเมืองหนาว สายพันธ์บีโกเนีย และพันธ์ไม้อื่น ที่จัดแสดงที่นี่นั้นจะเป็นแบบที่ชอบอากาศเย็น ไม่ชอบอากาศร้อน ดั้งนั้นจึงหาชมได้อยากในเมืองไทย ส่วนท่านที่ชอบชมดอกไม้เมืองหนาวที่ยุโรป นั้นอาจคิดได้ว่าไปชมดอกไม้สวยๆที่ยุโรปดีกว่า เชื่อผมเถอะครับว่าไม่มีที่ไหนที่ท่านเดินชมแสงไฟ และชมสวน พฤกษศาสตร์ ( สวนสะสมพันธ์ไม้ ไม่เหมือนสวน สาธารณะทั่วไป) ในหน้าหนาวได้ในเวลาเดียวกัน ผมเดินทางชมสวนพฤกษศาสตร์ มาพอสมควร พอผูดได้ครับว่า ความสวยงามของ บีโกเนียที่สวนนี้ไม้แพ้ใครที่ไหนในโลก สวนบีโกเนียนั้นเปิดทั้งวันและทุกฤดู เพราะอยู่ในโรงเรือนที่ปรับอากาศ และปรับแสง ไปชมในตอนกลางคืนอาจทำให้เราถ่ายภาพสวยๆยากหน่อย แต่ก็คุ้มครับเพราะเราไปชมสวนดอกไม้แล้วยังชม แสงไฟที่เขาจัดแสดงได้ด้วย ใครชอบดอกไม้อย่างเดียว แนะนำให้ไปช่วงใบไม้ผลิ เพราะช่วงใบไม้ผลินั้นมีดอกไม้ให้ชมมากมายรวมทั้งสวนกุหลาบที่เพิ่งเปิดในปี 2006 ด้วย

ค่าผ่านประตูของ นาบานาโนะซานโตะในหน้านาวนั้น อยู่ที่ 2100 เยน (ราคาปี 2014 - 2015 ) หน้าหนาวค่าเข้าจะแพงกว่า หน้าอื่นๆ เพราะการจัดแสดงแสงไฟ เมือเสียค่าผ่านประตูแล้ว เราจะได้ บัตรกำนัลมูลค่า 1000 เยน บัตรกำนัลนี้ เราจะเอาไปใช้ทำอะไรใน นาบานาโนะซานโตะ ก็ได้ ครอบครัวผมเอาไปใช้เป็นค่าผ่านประตูเข้าชม สวนบีโกเนีย ถ้าใครอยากชมสวนบีโกเนีย แบบไม่เสียเงิน และก็ยังเก็บ บัตรกำนัล พันเยน เอาไว้ใช้ อย่าอื่นได้อีก แนะนำให้ไป ก่อนบ่ายสองโมงเย็นเพราะก่อนบ่านสองโมงเย็นนั้น สวนบีโกเนียให้เข้าฟรี

ตัวเรือนสวนบีโกเนียนี้ มีขนาด เก้าพัน ตารางเมตร ประกอบไปด้วยสี่โรงเรือน เขาสะสมบีโกเนีย จากทั่วทุกมุมโลก เขามีบีโกเนีย หลายสายพันธ์ มากมายจนเอามาจัดแสดงไม่หมดในคราวเดียว ต้องหมุดเวียนเปลี่ยนเอามาแสดงกัน เขามีต้นไม้และไม้ดอกในกระถางประมาณห้าพัน กระถาง และอย่างน้อยต้องมี บีโกเนีย หกร้อย ชนิดจัดแสดง หกร้อยชนิดไม่ใช่ หกร้อย กระถาง ชนิดละกี่กระถาง ผมเองนั้นก็ไม่ทราบครับต้นบีโกเนีย และไม้พันธ์อื่น ที่จัดแสดงที่นี่จะเป็นแบบที่ชอบความเย็น อุณหภูมิที่เหมาะสมจะอยู่ที่ สิบห้า ถึง ยี่สิบห้า องศา ตลอดปี และ ความชื้นนั้นต้องอยู่ที่ หกสิบ ถึง แปดสิบ เปอร์เซ็นต์ เขาสามารถจัดการควบคุมสภาพแวดล้อมแบบนี้ในโรงเรือนขนาดใหญ่ขนาดนี้ได้ ถีอว่า ดีมากๆ ถ้าเขาปลูกนอกโรงเรือน สภาพอากาศที่ญี่ปุ่นก็ยังปลูกได้ แต่ ต้นไม้ดอกไม้ เหล่านี้จะไม่ออกดอกให้ชมทั้งปีแค่นั้น การที่เขานำต้นไม้ดอกไม้ ที่ออกดอกปีละครั้ง มาจัดให้ชมได้ทั้งปี แบบนี้ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาด

บีโกเนียเป็นดอกไม้ที่สวยงามเฉพาะตัว บีโกเนียไม่ได้สวยงามแต่ดอกอย่างเดียว บางสายพันธ์ มีใบที่สวยงามด้วย การดูแลบีโกเนียให้ใบ และ ดอก สวยงามนั้น ไม่ได้ทำกันง่ายๆต้องดูแลเ อาใจใส่กันมาก ผมรู้จักบีโกเนียมานาน พยายามเลี้ยง มาหลายต้น เข้าใจได้ดี พอทราบว่าที่ญี่ปุ่นมีสวนบีโกเนียขนาดใหญ่แบบนี้จากเพื่อน ผมหวังในใจว่าต้องให้ได้ไปซักครั้ง แต่ไม่เคยมีโอกาศ พอมีโอกาศไปแล้วก็ไม่ผิดหวังครับ จริงๆแล้ว สวยงามเกินที่หวังไว้ด้วยซ้ำ คนที่ไม่เคยรู้จักบีโกเนีย หรือไม่สนใจต้นไม้ดอกไม้เลย ไปที่นี่แล้วจะเปลี่ยนใจ แม้คนที่ไม่มีความรู้เรื่องต้นไม้เลย ก็ยังชื่นชมความงาม ของดอกไม้ และบรรยากาศ การจัดแสดงภายในโรงเรือน ได้เป็นอย่างดี เราไม่รู้จักชื่อต้นไม้ดอกไม้ ต้นไหน เขาก็ป้ายชื่อที่ถูกต้องบอก ไม่เหมือนบางที่ ที่ใส่ชื่อ ผิดๆถูกๆ คนที่ไม่ชอบกลิ่นดอกไม้หอมก็ไปได้ บีโกเนีย ไม่มีกลิ่น สวยอย่างเดียว เราไม่ต้องกลัวกลิ่นหอมอบอวล ไปแล้วก็อยากแนะนำให้ชม บีโกเนีย แบบมีเหง้า แบบมีเหง้านั้นออกดอกใหญ่ และสวยงาม มาก เขาปลูกบีโกเนียแบบห้อยละย้า ในกระถางแขวน แล้วจัดแสดงแบบแขวน ในโรงเรือนนั้นก็สวยงามมาก จริงแล้ว เขาจัดกระถางแขวนด้วยดอกไม้หลายชนิดไม่ใช่แค่ดอกบีโกเนียอย่างเดียว ใครที่ชอบบีโกเนียแบบใบเขาก็มีจัดไว้ให้ชมรวมถึงแบบใบ แบบใหม่ๆด้วย ที่ผมชอบอีกอย่างคือแบบต้นสูง ในที่นี่เขาสะสมไว้หลายแบบเช่นกัน แบบต้นสูงนั้นถึงดอกและใบจะไม่สวยเท่าแบบอื่น เรามองดีๆ แบบต้นสูงนี้ก็มีความสวยงามเฉพาะตัว ส่วนบีโกเนียแบบพุ่มดอกเล็กนั้น หาดูต้นง่าย และเลี้ยงไม่ยาก ใครมือใหม่อยากลองปลูกต้องเริ่มจากแบบต้นให้ดอกเล็กๆนี่ก่อน ส่วนใครที่ชอบดื่มกาแฟในสวนดอกไม้ปรับอากาศแบบนี้ เขาก็มีร้านกาแฟให้ภายในโรงเรือน ร้านกาแฟนั้นปิดเวลากลางคืน ใครสนใจทานกาแฟและอาหารเบาๆแนะนำให้ไปตอนกลางวัน และใครที่ชอบ ปลูกต้นไม้ อยากลองปลูกบีโกเนียดู กรุณาอย่าไปเด็จใบของเขามาปักชำ เขาก็มีต้นบีโกเนีย ขายด้วยราคาไม่แพง ถ้าอยากลองปลูกบีโกเนียแบบดอกจริงๆที่เมืองไทย ยังไงลองหาซื้อที่เมืองไทยก่อน

การเดินทาง

โดยรถไฟไปที่จังหวัด มิเอะ Mie ไปที่สถานี Kuwana (桑名)

๑ เดินทางออกที่ ทางออกฝั่งตะวันตก ของสถานี คูว่านะ

๒ ข้างนอกสถานี เลี้ยวขวา เดินตรงไปตามทางเดิน หนึ่งนาที จะถึง บันได ทางลง ไปยังชั้นล่าง ลงไปแล้วจะไปอยู่ตรงที่ ป้ายรถเมล์

๓ รอที่ป้ายรถเมล์ เบอร์ ๒ รอรถเมล์ด่วน สาย นาบานาโนะ ซานโตะ รถจะมาทุกๆ สามสิบนาที ใช้เวานั่งรถสิบนาที ราคา สองร้อยสี่สิบ เยน รถเที่ยวสุดท้ายจะกลับมาที่ สถานีคูว่านะ เวลา สามทุม ยี่สิบเจ็ดนาที

Supachai Khemmalai

Supachai Khemmalai @supachai.khemmalai

I'm an urban permaculturist. As much as I love gardening, travelling is my other passion. When it comes to travelling, I'm more interested in nature,culture and local food. We often go to japan to visit our family. The abundance of nature and temperate forests of Japan impress me most. Every time...