ตั้งอยู่ที่เชิงเขาที่ปกคลุมไปด้วยป่าไม้เขียวชอุ่ม และหันหน้าไปทางชายหาดฟุทะมิ กะ อุระ (Futami Ga Ura) ไม่ไกลจาก อิเซะ จินกุ (Ise Jingu) ศาลเจ้าที่ยิ่งใหญ่ของอิเซะ เป็นอาคารเก่าแก่งดงามที่รู้จักกันในชื่อ ฮินจิซุกัน (Hinjitsukan) ที่ดูเหมือนศาลเจ้า วัดและปราสาทเล็กๆ รวมเข้ากัน อาคารแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นนี้ได้ดำเนินการเป็นโรงแรมพิเศษสำหรับพระบรมวงศานุวงศ์ และแขกที่ร่ำรวยและมีเกียรติ มาตั้งแต่ปี 1887 จนกระทั่งได้ปิดตัวลงในปี 1999 ในขณะนั้น มีการกล่าวกันว่าอาคารประวัติศาสตร์แห่งนี้อาจจะถูกรื้อถอน แต่ตอนนี้ได้รับการเก็บรักษาเป็นพิพิธภัณฑ์ให้ทุกคนได้เพลิดเพลิน
ประตูทางเข้าหลักจะสงวนไว้เฉพาะสมาชิกของพระราชวงศ์เท่านั้น ส่วนแขกคนอื่นไม่คำนึงถึงสถานะหรือยอดเงินฝากธนาคาร จะต้องใช้ประตูด้านข้าง ภายในมีแสงสลัว ทางเดินเงียบสงบ ผ่านห้องพักที่ปูพื้นด้วยเสื่อทาทามิ และห้องโถงแบบดั้งเดิม
มีเพียงแขกวีไอพีที่สำคัญที่สุดเท่านั้น ที่จะเข้าพักใน โกะเท็น (Goten) ที่หรูหรา ส่วนที่เป็นเหมือนพระราชวัง และเป็นที่โปรดปรานของจักรพรรดิไทโชะ (ครองราชย์เมื่อปี 1912-1926) ที่ใช้ฮินจิซุกันเป็นรีสอร์ทฤดูร้อน ใช้เวลาผักผ่อน อ่านหนังสือ เยี่ยมชมพื้นที่ในท้องถิ่น ฝึกศิลปะการต่อสู้ และว่ายน้ำในน้ำใสเย็นของชายหาดที่อยู่ใกล้เคียง จริงๆ แล้วพื้นที่ชายหาดถูกใช้เป็นที่ชำระล้างและทำตัวให้บริสุทธิ์ของแขกของโรงแรม ก่อนที่จะเข้าชมศาลเจ้าที่ยิ่งใหญ่ของอิเซะ เลยไปอีกหน่อยตามชายหาดคือที่เคารพบูชาของชินโต เมะโอะเตะ อิวะ (Meoto Iwa) หรือหินแต่งงาน ซึ่งควรจะไปชม
สวนเก่าแก่ของโรงแรมก็ได้รับการเก็บรักษาไว้เช่นกัน พื้นที่อันงดงามนี้รวมลักษณะเฉพาะของสวนญี่ปุ่นที่ดีที่สุด โคมไฟหิน สระน้ำ หินรูปร่างน่าสนใจ พรรณไม้ต่างๆ และได้รับการดูแลโดยผู้ดูแลสวนที่ทุ่มเทมากที่สุด
ห้องพักแบบญี่ปุ่นมักจะวัดจากจำนวนของเสื่อทาทามิ ห้องพักโดยทั่วไปของญี่ปุ่นจะอยู่ที่ประมาณเสื่อทาทามิหกผืน ห้องโถงใหญ่ของฮินจิซุกันเป็นห้องใหญ่มากๆ มีขนาดเสื่อทาทามิถึง 120 ผืน เพดานที่เป็นตารางโค้งของห้องโถงใหญ่ เป็นตัวอย่างที่ดีของแบบ โชะอิน (Shoin) สถาปัตยกรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่น ซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุดในสมัยโมะโมะยะมะ (Momoyama) (1573-1603)
อาคารทั้งหมดสร้างเสร็จในปี 1887 ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 5,000 เยนหรือเทียบเท่าประมาณ 50 เหรียญ แต่เทียบกับในตัวเลขในปัจจุบันคงจะเป็นไม่กี่ล้านเหรียญ ได้รับการออกแบบและก่อสร้างโดยช่างฝีมือดีที่สุดในเวลานั้น และใช้วัสดุที่ดีที่สุด คัดเลือกอย่างพิถีพิถันโดยช่างฝีมือที่ดีที่สุด ฮินจิซุกันยังคงเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของสถาปัตยกรรมญี่ปุ่น
