ผู้คนและเมืองปอมเปอิทั้งเมืองในประเทศอิตาลี ถูกลาวาจับไว้หรือไม่ก็ถูกเถ้าถ่านฝังไว้ทั้งเป็นในอิริยาบถต่างๆ จากการที่ภูเขาไฟวิสุเวียสระเบิดครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 79 ในยุคต่อมา นักโบราณคดีได้ขุดค้นเข้าไปใต้หินและกองเศษเถ้าธุลีลึกลงไปหลายเมตร ค่อยๆ เผยให้เห็นเมืองอันหรูหราโอ่อ่า นับเป็นแหล่งโบราณคดีสำคัญที่ให้ความรู้ทั้งด้านสังคมและสถาปัตยกรรมของเมืองโรมันสมัยนั้น
ที่ญี่ปุ่นมีหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ทีขอเรียกเอาเองว่าหมู่บ้านหินไหล ในหนังสือนำเที่ยวเรียกว่า Little Pompeii หมู่บ้านนี้ถูกฝังลงไปบางส่วนด้วยเถ้าถ่านที่ภูเขาไฟพ่นออกมา จากการระเบิดเมื่อ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1992
รถบัสพามาถึง Unzen volcanic area ในเวลาที่ฝนพรำ ทีคนกลัวผีและวิญญาณทั้งปวงรั้งรออยู่เพราะบรรยากาศก็ชวนเหงามาก ต่อเมื่อได้รับการยืนยันว่าที่นี่ไม่เป็นเรื่องเศร้าถึงแก่ชีวิต เพราะผู้ที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ในรัศมีลาวาและเถ้าถ่านได้รับการเตือนล่วงหน้าให้อพยพออกไปก่อน ตั้งแต่ พฤษภาคม ค.ศ. 1991 แล้ว จึงกล้าย่างเหยียบเข้าไปในบริเวณที่เตียนแต่ร้าง อันครั้งหนึ่งคือหมู่บ้านที่มีชีวิต
สิ่งที่เหลืออยู่ของบ้านเรือนในหมู่บ้านคือเรือนหลายหลังที่แข็งแรงพอจะต้านพลังของเศษระเบิดและลาวาได้ ไม่พังลงไปเสียก่อน แม้จะคงรูปอยู่ก็เหลือเพียงบางส่วนที่โผล่พ้นผิวพื้นขึ้นมา ส่วนที่เหลือจมอยู่ใต้ลาวาที่แข็งตัวแล้วและใต้เศษหินที่ภูเขาไฟพ่นออกมา
แม้จะอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออกก็ได้ความรู้มาพอสมควร เพราะญี่ปุ่นเป็นจ้าวแห่งการแสดงความรู้ด้วยภาพหรืองานกราฟฟิกเพื่อชดเชยการไม่ถนัดพูดหรือเขียนภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษาอังกฤษ ซึ่งก็ดีสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไปเพราะภาพสื่อได้กับทุกชาติทุกภาษา
ธารลาวาไหลลงมาจากภูเขาไฟที่ระเบิด ตามร่องน้ำแคบๆ ทำให้พลังปะทะรุนแรง ขนาดทลายกำแพงและทะลุเข้าไปในบ้านได้ ก่อนที่จะอ่อนกำลังลงเมื่อลาวาเหลวแผ่กว้างล้นฝั่งขึ้นไป กลายเป็นทางกว้างตรงปลายทาง
ที่นี่เป็นหมู่บ้าน บ้านที่ลาวาไหลผ่านจึงไม่มีทรากที่อลังการเหมือนเมืองปอมเปอิ และเหตุเกิดในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ความรู้และกระบวนการสื่อสารมีมากและเร็วพอจะแจ้งเตือนให้ราษฎรอพยพหลบภัย ดังป้ายที่เขียนบอกไว้ว่า (ใช้ กูเกิ้ล translate ค่ะ) ไม่มีคนตายในบ้านหลังนี้เพราะอพยพหลบไปแล้วตามคำเตือนของทางการ รัฐบาลได้เครดิตไปอีกส่วนหนึ่ง
เมื่อมองทรากปรักหักพังที่เห็นอยู่ตรงหน้าซึ่งกระทรวงสิ่งแวดล้อมดูแลอนุรักษ์ไว้ และเห็นแผนภาพแสดงการไหลของสายธารลาวาที่ไหลลงสู่ที่ต่ำตามธรรมชาติของของเหลว เมื่อไม่มีเส้นทางก็สร้างเส้นทางขึ้นมาเอง เมื่อผ่านสิ่งกีดขวาง ก็ทะลวงผ่านด้วยพลังที่มี เป็นพลังอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติที่คอยเตือนใจมนุษย์ตัวเล็กๆ ว่าอย่าได้หลงลืมตน คิดว่าตัวเองสามารถควบคุมธรรมชาติได้เสมอไปทุกเวลา