ทาจิบานะ-เดระ (วัดทาจิบานะ) เป็นวัดนิกายเทนไดของพุทธศาสนาที่ถูกสร้างขึ้นในหมู่บ้านอะซูกะเมื่อสมัยของโชโทคุ ไทชิ [ปีค.ศ. 574-622] สิ่งบูชายอดนิยมของที่นี่คือรูปปั้นไม้เก่าแก่ที่สุดขององค์ชายโชโทคุ [โชโทคุ ไทชิ] และพระพุทธรูปไม้ขององค์เนียวอิริน คันนอน [เทพีแห่งความเมตตา] ที่มีมาตั้งแต่ช่วงต้นสมัยเฮอัน [794-1185]
ชื่อทาจิบานะนั้นมาจากพันธุ์ส้มแมนดารินที่สมัยโบราณเชื่อกันว่าเป็นผลไม้แห่งความอมตะ โคจิกิ [ปี 712] นั้นมีความเกี่ยวพันกับตำนานของทาจิมะ-โนะ-โมริ นายทหารผู้ช่วยขององค์จักรพรรดิซุยนินผู้เลื่องชื่อ [ก่อนค.ศ. 29 ปี - ค.ศ. 70] ที่ได้รับมอบหมายให้มาหาส้มนี้ ชื่อของส้มได้กลายเป็นสิ่งที่ใช้ระลึกถึงของวัดนี้ หลังจากที่ถูกย้ายไปปลูกในแถบอะซูกะ รูปปั้นของทาจิมะถูกประดิษฐานไว้ในวัดแห่งนี้
กล่าวกันว่าโชโทคุ ไทชิเกิดในแถว ๆ วัดทาจิบานะและวัดแห่งนี้ก็เป็นหนึ่งในวัดยิ่งใหญ่ 7 แห่งที่ถูกสร้างขึ้นภายใต้วิสัยทัศน์ของเขา เขาเป็นทั้งผู้สำเร็จราชการ นักการเมือง ปราชญ์ และผู้สอนศาสนาคริสต์ในสมัยอะซูกะผู้ได้รับการยกย่องจากการสร้างเสถียรภาพแก่รัฐบาลที่เพิ่งจัดตั้งใหม่และมีส่วนในการก่อตั้งกับเผยแพร่พุทธศาสนาในญี่ปุ่น ในปี 603 เขาได้สร้างระบบรัฐบาลแบบลำดับหมวกสิบสองขั้นที่จะมอบตำแหน่งแก่ราชการตามความสามารถ ในปี 604 ถัดมาเขาได้เขียนรัฐธรรมนูญสิบเจ็ดมาตราที่มุ่งเน้นความสำคัญด้านศีลธรรมและจริยธรรมของเหล่าข้าราชการที่ปกครองชาติ และยังประกาศให้มีการยอมรับคำสอนของพุทธศาสนา ชินโต และลัทธิขงจื๊อ รวมไปถึงความจงรักภักดีแก่องค์จักรพรรดิด้วย
ด้านหน้าวัดมีรูปปั้นม้าทำจากทองสัมฤทธิ์ชื่อคุโรโคมะ [เพกาซัสทมิฬ] ซึ่งเป็นม้าโปรดปรานที่โชโทคุ ไทชิเคยใช้ขี่ไปยังทั่วทุกสารทิศเพื่อเผยแพร่พุทธศาสนา กล่าวกันว่าองค์ชายมักจะขี่ม้าตัวนี้ไปยังอิคารุงะ (วัดโฮริว-จิ) เป็นม้าทรงอิทธิฤทธิ์ที่เหาะได้ด้วย คุโรโคมะสามารถพาโชโทคุ ไทชิตะลุยไปทั่วประเทศเป้นเวลาสามวันได้โดยไม่เหน็ดเหนื่อย โชโทคุ ไทชิได้สร้างอนุสรณ์หินให้แก่ม้าของเขา ตามการเสนอแนะของพระสงฆ์พุทธนามโคโบะ ไดชิ [ปี 774-835] ในตอนที่เขากำลังเดินทางกลับวัดทาจิบานะ
จากประวัติศาสตร์อันยาวนาน วัดทาจิบานะได้ผ่านเหตุการณ์มาหลายอย่าง สร้างขึ้นในปี 606 โดยโชโทคุ ไทชิหลังจากนั้นต่อมาในปี 680 ตอนที่ถูกใช้เป็นอารามแม่ชีก็ถูกไฟเผาทำลายลง ในปี 756 และ 827 จักรพรรดิได้นำพระพุทธเจ้ามาประดิษฐานที่วัด และถูกใช้เป็นวัดของราชวงศ์จนถึงสมัยคามาคุระ [ปี 1185-1333] ปี 1148 ไฟไหม้ทำลายเจดีย์ห้าชั้น และอีกครั้งในปี 1506 ตั้งแต่ปี 661-72 มีเพียงศาลาเรียนที่มีรูปปั้นเก่าแก่ที่สุดขององค์ชาย โชโทคุ (อายุ 35) หลงเหลืออยู่ ฐานหินของเจดีย์และอาคารทุกหลังอยู่มาตั้งแต่สมัยเอโดะ ซึ่งถูกบูรณะเมื่อปี 1864
ที่อยู่ติดกับอาคารหลักของวัดจะมีหินสองหน้า (นิเมนเซกิ) จากสมัยอะซูกะที่เป็นรูปสลักศีรษะมนุษย์สองศีรษะ แทนด้านธรรมะและอธรรม ที่ตั้งอยู่ด้านหลังวัดคือคลัง ชูโซโกะ ที่มีสมบัติสำคัญทางวัฒนธรรมจำนวนมาก -- รับรองว่าไปแล้วคุ้มแน่