การเดินทางในญี่ปุ่นช่วงกลางคืนจะลำบากหน่อย พอรถไฟกับรถบัสหยุดวิ่งแล้วก็จะเหลือแต่แท็กซี่ราคาแพงเท่านั้น แล้วคนที่อยากจะเดินทางไกลตอนกลางคืนหลังชินคันเซนหยุดวิ่งแล้วจะทำยังไงล่ะ? ช่วงที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นเริ่มเฟื่องฟู นถไฟเที่ยวกลางคืนขนส่งผู้โดยสารเป้นระยะทางไกล ในปัจจุบันที่เครื่องบินและรถบัสเที่ยวกลางคืนทั้งไวและสะดวกกว่า รถไฟขบวนดึกก็เริ่มหมดความนิยม บ้านของผมที่นิอิงาตะเป็นสถานีต้นทางของรถไฟเที่ยวกลางคืน มูนไลท์ เอชิโงะ ซึ่งวิ่งระหว่างที่นั่นกิบชินจูกุ การเดินทางของผมในฤดูร้อนที่แล้วก็ทำให้มีโอกาสได้ลองวิธีการเดินทางที่ตกยุคไปแล้วแต่ก็ยังมีความโรแมนติกอยู่
ฝนตกลงมาอย่างหนักในคืนที่ผมออกเดินทาง น้ำเยอะมากจนฝาท่อสั่นกระทบกับเพราะแรงดันที่อยู่ข้างใน รถไฟทุกเที่ยวดีเลย์หมด และมูนไลท์ เอชิโงะซึ่งปกติจะออกจากสถานีนิอิงาตะตอน 23:38 น. ก็ยังไม่แล่นมาถึงชานชาลาจนเที่ยงคืน กว่าจะออกรถก็ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง
เวลาเอ่ยถึงนถไฟเที่ยวกลางคืนผมมักจะนึกถึงภาพของฌอน คอนเนอรี่กับปัวโรต์บนรถด่วนโอเรียนท์ เอ็กซ์เพรสเสมอ แต่จากที่หาข้อมูลมาก็พบว่ามูนไลท์ เอชิโงะเป็นรถด่วนธรรมดาที่มีที่นั่งแบบรถด่วนธรรมดา รถไฟด่วนของญี่ปุ่นมักจะมีที่นั่งแสนสบายเสมอและมูนไลท์ เอชิโงะก็เช่นกัน ที่นั่งดุจะสบายกว่ารถบัสด่วนไฮเวย์ที่ผมเคยนั่งด้วยซ้ำ และจากการที่รถไฟแทบจะไม่มีคน ผมก็ใช้ที่นั่งได้สองแถว รวมแถวตรงข้ามด้วย กลายเป็นเตียงที่ทำจากสี่ที่นั่ง เพราะรถไฟออกดึกและชั้นกรีน คาร์ (ห้องดดยสารชั้นเฟิร์ส คลาส) แทบจะไร้ผุ้คน พนักงานตรวจตั๋วก็ยิ้มให้ผมและไม่ว่าอะไรที่ผมนอนบนที่นั่งสองแถวของกรีนคาร์พร้อมกับผ้าห่มที่ทางเจอาร์มอบให้กับผู้โดยสารชั้นหนึ่ง ที่นั่งของกรีนคาร์จะกว้างกว่าที่นั่งปกติ มีองศาที่กว้างกว่า ยืดขาได้เยอะกว่า แล้วก็นุ่มกว่าเล็กน้อยด้วย ห้องโดยสารชั้นหนึ่งมีพรมปูและเก็บเสียงได้ดีกว่าชั้นธรรมดา คืนนั้นผมนอนหลับสบายมากแต่พอตื่นมาก็ปวดเข่าเพราะเอาไปพาดระหว่างที่นั่งสองแถวตลอดทั้งคืน รถไฟมาถึงชินจูกุตอน 7:05 น. ล่าช้าไปเกือบ 2 ชั่วโมงเพราะสภาพอากาศไม่ดี แม้ว่าผมจะปวดเข่าและรู้ว่าไม่ควรเหมาที่นั่งสองแถวบนกรีน คาร์อีก แต่ผมก็จะดีใจถ้าได้ขึ้นมูนไลท์ เอชิโงะ (หรือรถไฟขบวนกลางคืนที่เหมือนกัน) อีกครั้ง ห้องน้ำและอ่างล้างหน้าสะอาดกว่าบนรถไฟด่วนธรรมดา แล้วก็ยังมีเยอะกว่าด้วย แสงไฟในห้องโดยสารก็จะหรี่ลงระหว่างสถานีเพื่อให้หลับได้สบายขึ้น ขอแนะนำให้นำที่ปิดตาเผื่อแสงไฟรบกวนตอนที่มันเปิดอีกครั้ง กับหมอนรองคอหรือหมอนพกพากับผ้าห่มด้วยถ้าคุณไม่ได้ขึ้นชั้นกรีน คาร์
มูนไลท์ เอชิโงะจะให้บริการเฉพาะช่วงวันหยุดกับบางสุดสัปดาห์ของเดือนที่ติดวันหยุดยาว จะได้รับความนิยมในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน และฤดูหนาว ผมกะจะขึ้นมูนไลท์ เอชิโงะไป-กลับโตเกียวแต่เที่ยวโตเกียวกับนิอิงาตะนั้นคนเยอะมากจนที่นั่งเต็มหมด ผมเลยต้องจองที่นั่งล่วงหน้าสามอาทิตย์ เมื่อรวมค่าธรรมเนียมการจอง 510 เยน ตั๋วรถไฟมูนไลท์ เอชิโงะเที่ยวเดียวมีราคาที่ 5970 เยน (หรือ 7360 เยนถ้าคุณเลือกที่นั่งกรีน คาร์บวกราคาอีก 1900 เยน) แต่ถ้าคุณใช้ตั๋วเซชุน 18 (เหมารถไฟและรถไฟด่วนไม่จำกัดเป้นเวลา 5 วันในราคา 11,500 เยนหรือราว 2,300เยน/วัน) ช่วงฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน หรือฤดูหนาวถ้าใช้ตั่วเซชุน 18 เหมือนที่ผมใช้ก้จะลดราคาได้ถึง 2810 เยน ซึ่งถูกกว่ารถบัสไฮเวย์หลายคัน การขึ้นมูนไลท์ เอชิโงะหรือรถไฟเที่ยวกลางคืนอื่น ๆ ที่คล้ายกันให้คุ้มค่าที่สุดคือใช้ตั๋วเซชุน 18 ที่นั่งแบบจอง และตั๋วธรรมดาไปลงสุดสายก่อนเที่ยงคืน ถ้าไม่ีมีตั๋วธรรมดาพนักงานก็จะหักเวลาสองวันออกจากตั๋วเซชุน 18 และจะใช้ได้ไม่เต็มราคา (หมายเหตุ: ไม่สามารถใช้ตั๋วเซชุน 18 ซื้อตั๋วกรีน คาร์ได้ วันนั้นผมโชคดีที่พนักงานตรวจตั๋วอนุโลมให้) ถ้างั้น มาลองการเดินทางสุดมหัศจรรย์ไปยังแดนหิมะนิอิงาตะกันไหม?