วัฒนธรรม
เหล่านักเต้นร็อกอะบิลลี ที่สวนโยะโยะกิ
Anonymousทุกวันอาทิตย์นักเต้นร็อกอะบิลลีจะรวมกลุ่มกันที่ประตูทางเข้าสวนโยะโยะกิ (Yoyogi) ตรงฝั่งฮาราจุกุ (Harajuku) พวกเขาจะเต้นรำไปกับเสียงเพลงร็อกแอนด์โรลในยุค 1950
As one of the largest green spaces in Tokyo, Yoyogi Park is a magnet for Tokyo residents who want to enjoy the sun and nature or who would like to attend one of the many festivals that take place in the park all year round.
Although Yoyogi Park has relatively few cherry trees compared to other parks in Tokyo, it is a beautiful vantage point for the cherry blossom in spring. He is also known for his ginko trees, which turn gold in autumn.
Before the park became a city park in 1967, the area was the site of the Olympic Village for the 1964 Olympic Games. Yoyogi Park is right next to the Meiji Shrine.
/139.69668565295,35.6715946949,9/397x132?access_token=pk.eyJ1IjoiamFwYW50cmF2ZWxtYXBzIiwiYSI6ImNqbXBtOXYxbDB5Z3ozbHFrazJuYWMwOGYifQ.v15fy_mcFWtgopmz8PhwqA)
Tokyo Metro Chiyoda line: Yoyogi Koen (Exit 3 or 4) or Meiji-jingumae/Harajuku Station (Exit 2) JR Yamanote line: Meiji-jingumae/Harajuku station (Omotesando Exit)
ทุกวันอาทิตย์นักเต้นร็อกอะบิลลีจะรวมกลุ่มกันที่ประตูทางเข้าสวนโยะโยะกิ (Yoyogi) ตรงฝั่งฮาราจุกุ (Harajuku) พวกเขาจะเต้นรำไปกับเสียงเพลงร็อกแอนด์โรลในยุค 1950
ต้นซากุระ เมเปิ้ล และต้นแปะก๊วย (Gingko) ที่สวนโยะโยะกิ (Yoyogi) ในโตเกียว มีสีสันของใบไม้หลากหลายชนิดในสวน
เดือนละครั้ง สวนโยะโยะกิ (Yoyogi) จะเปลี่ยนโฉมไปเป็นตลาดขุมทรัพย์สำหรับนักล่าของถูก
งานเทศกาลซึ่งจัดขึ้นทุกปีที่สวนสาธารณะโยโยะงิและจะมีซุ้มอาหารจากทุกจังหวัดทั่วทั้งประเทศมารวมตัวกัน
เทศกาลไทยยิ่งใหญ่ เป็นเทศกาลที่น่าตื่นตาตื่นใจ จัดขึ้นทุกปีที่สวนโยโยงิ ในโตเกียว มีร้านค้า การแสดง นิทรรศการ และอาหาร มากมาย ผู้มาเที่ยวชมงานจะได้พบกับบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา กระตือรือร้น เป็นเทศกาลที่พลาดไม่ได้
"ไอร์แลนด์ที่รัก"เป็นเทศกาลที่แสดงถึงวัฒนธรรมของชาวไอริช ซึ่งถูกจัดขึ้นในสวนสาธารณะโยโยงิในโตเกียว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลวันเซนต์แพททริคกลางเดือนมีนาคม มาพร้อมด้วยอาหาร เครื่องดื่ม ดนตรี การเต้นเท้าไฟ และงานพาเหรดมากมาย
ทุกๆ ปี เป็นระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ สวนโยะโยะกิได้แปลงรูปไปเป็นสายรุ้งหลากสี เช่นเดียวกับผู้คนที่มาชุมนุมกัน
Located right next to Shinjuku Chuo Park, THE KNOT TOKYO Shinjuku is a modern hotel with an exceptional design and easy access to the nearby Shinjuku train station and the Meiji Shrine. The 14-story hotel building was renovated and reopened in August 2018 as THE KNOT TOKYO Shinjuku . The western-style rooms offer a park view on the top floor as well as a newly opened terrace suite. The spacious atrium design offers a relaxed atmosphere and connects the restaurant, bar, lounge and lobby with one another. One of the highlights of THE KNOT is the delicious dishes. There are six areas in which food and drinks are offered. From the grill area to high-quality black tea and fresh bread, everything is on offer.
With Koenji being a "creative town" it's no surprise that the BnA Hotel opened there in 2016 and has had, subsequently, an incredible impact on the local community. BnA (Bed and Art) has other spaces dotted about Tokyo and Kyoto, but the Koenji edition is possibly more immersive as the concept is "stay in an artwork." In collaboration with local artists, the BnA has created an impressive multi-storey art experiment for art lovers and creatives with a desire to inhabit art. The first floor acts as a front desk and bar which comes alive at night with events and selected DJs. It also hosts Masu Masu onigiri cafe with artists being asked to come and exchange artwork with each other in a gesture which reflects the true spirit of Koenji. With two "living art" twin rooms taking up the second and third floors designed by a seasonal rotation of local artists, guests can engage with and inhabit their art rooms. BnA Koenji also plays host to a rooftop lounge and a basement space which is used for artists residencies where their work is shown to the public and a DJ booth and streaming equipment for live performances. With live painting events and an eclectic variety of regular events, the BnA Hotel becomes, itself, a living canvas. The BnA believes that it's a machigata hotel, meaning that guests should (and are encouraged) to interact with Koenji. Use the public sentos, eat in the local restaurants that surround the hotel and buy locally from the multitude of shops, market stalls, bars and cafes which make-up the fabric of Koenji. Feted by international press such as The Guardian, BnA acts as a creative network with the concept of serendipity being discussed as the bar becomes an ad hoc meeting place where collaborations and friendships between artists and locals are born. The BnA was also instrumental in a street art festival named MCP (Mural City Project) which was supported by Suginami Ward. MCP was incredibly ambitious and truly communal with the desire to transform and coalesce the community through the creation of public murals. The BnA, Koenji and Suginami spearheaded a public art movement which should be commended and replicated throughout Tokyo.
Just minutes from Shinagawa Station, the Grand Prince Hotel New Takanawa is surrounded by lush greenery in the Takanawa area, with rooms offering balcony views of the nearby gardens and the surrounding Tokyo cityscape. This urban resort features convention facilities like the Hiten banquet hall, the international Convention Center Pamir, as well as a wide variety of Japanese, Chinese and Western restaurants.
Mame Shiba Cafe offers a unique experience where you can interact with Shiba dogs while enjoying your favorite drinks. You cannot make reservations in advance through phone or online, so it is best to book early in the morning at a store. The cafe requires customers to make a reservation in-store, present their receipt at the reserved time, and then enter the cafe.
There is a restaurant right in front of the Meguro station where you can eat your own fish. All kinds of Japanese dishes and fresh seafood are also served. In some pools inside the restaurant you can catch your own fish with a fishing rod and net and then let the staff know which table it should be brought to. You can watch the fish being prepared in the kitchen and let you know in advance how the fish should be prepared: whether as sashimi, grilled, boiled, deep-fried (with tempura) or as sushi. If you don't manage to catch your own fish, then you can of course order a fish from the menu. However, the price is much lower if you want to have your own catch cooked .
In the Highball Bar Sunny Side 1923 in Gotanda Shinagawa, guests enjoy freshly tapped beers and, in addition to a dinner menu, of course, highballs are offered. These consist of a basic spirit and, for example, soda water or ginger ale. They can also contain other ingredients and are extremely popular in Japan. The menu is also available in English, so that even foreign-speaking visitors will have no problems enjoying a relaxing evening. The bar offers 26 seats and 30 standing places and children are also welcome. The bar also offers a very special bonus with its own room for small private groups. Users of Japanese mobile phone networks are given the opportunity to use high-speed WiFi from the providers Softbank, NTT Docomo or AU.
เมื่อพูดถึงโตเกียว เราก็มักจะนึกถึงหมู่ตึกที่สูงเสียดฟ้า เทคโนโลยีที่นำสมัย และผู้คนแน่นเอี๊ยดบนรถไฟ แต่ทว่า ก็ยังมีบางสถานที่ที่ช่วยให้คุณได้หลบหนีออกมาจากความเร่งรีบและความวุ่นวายของป่าคอนกรีต หนึ่งในนั้นก็คือ ศาลเจ้าเมจิ หรือที่เรียกกันว่า เมจิจินงุ (Meiji Jingu) ศาลเจ้าเมจิเป็นศาลเจ้าของศาสนาชินโต สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่ดวงวิญญาณของ สมเด็จพระจักรพรรดิเมจิและพระจักพรรดินีโชเก็ง เดิมทีศาลเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1920 แต่ไม่นานนักศาลเจ้าเมจิก็ต้องมีชะตากรรมอันแสนเศร้า เพราะได้ถูกทำลายลงในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่หลังจากนั้นไม่นาน ศาลเจ้าเมจิก็ได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ศาลเจ้าเมจินั้นรายล้อมไปด้วยป่าที่มีพื้นที่กว่า 700,000 ตารางเมตร มีต้นไม้ประมาณ 120,000 ต้น กว่า 365 ชนิดพันธุ์ ภาพของป่าในเมืองใหญ่นั้นเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความตรงข้ามกันระหว่างความเก่าและใหม่ของประเทศญี่ปุ่น หากคุณเดินออกจากหน้าประตูหลักของศาลเจ้าเมจิมา 5 นาที คุณก็จะพบว่าตัวเองกำลังเดินอยู่บนถนนทาเคชิตะซึ่งเป็นถนนที่จอแจและเป็นแหล่งของชาวพังค์ ช่วงเวลาที่คุณก้าวเข้าสู่ประตูโทริอิขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ตรงทางเข้า คุณก็จะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแห่งความสงบเงียบภายในบริเวณนั้น ลองก้าวเดินไปตามทางเดินที่ยาวและกว้างขวางเพื่อเข้าสู่ตัวศาลเจ้าดูสิ สิ่งนี้ก็จะมอบประสบการณ์อันแสนเพลิดเพลินให้แก่คุณ ซึ่งทั้ง2 อย่างนี้ไม่ใช่สิ่งที่คุณจะสามารถหาได้ง่ายๆในโตเกียว ในระหว่างทางเดินนั้น ก่อนที่คุณจะพบกับศาลเจ้าเมจิก็ยังมีสิ่งที่จะดึงดูดความสนใจของคุณ หนึ่งในนั้นก็คือ สวนที่อยู่ภายในศาลเจ้า (เสียค่าเข้าชม 500 เยน) สถานที่แห่งนี้เป็นบ้านของผู้ทรงอิทธิพลของญี่ปุ่น และยังมี “บ่อน้ำคิโยมาสะ” หรือคุณอาจจะอยากเข้าชมคลังสมบัติ ที่ภายในได้จัดแสดงสิ่งของส่วนพระองค์ของสมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินี และท้ายสุดคือการเข้าชมตึกพิพิธภัณฑ์ภาคผนวก เพราะที่นี่มักจะมีนิทรรศการต่างๆมาจัดแสดงอยู่เสมอ การเข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนาชินโตตรงบริเวณหลัก ก็เป็นสิ่งที่แสนจะคุ้มค่าซึ่งจะช่วยให้คุณได้เข้าถึงกับจิตวิญญาณของตนเอง และคุณยังสามารถล้างมือและบ้วนปาก เพื่อชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์ก่อนที่จะเข้าไปในศาลเจ้า ทัั้งยังสามารถหาซื้อเครื่องรางต่างๆให้กับตัวคุณเอง นอกจากนี้แล้ว คุณต้องไม่พลาดที่จะเขียนคำอธิฐานบนแผ่นไม้ห้าเหลี่ยม และนำไปติดบนบริเวณห้องโถงเพื่อให้มันเป็นจริงอีกด้วย ศาลเจ้าเมจินั้นแสนจะน่าทึ่ง ไม่ว่าคุณจะมองสักกี่ครั้งก็ตาม โครงสร้างซึ่งสร้างจากไม้และทองแดงตั้งอยู่อย่างสงบบนพื้นหิน ราวกับจะรอให้คุณมาเยี่ยมเยือน ภายในศาลเจ้า มีที่ให้คุณขอพรโดยการปาเหรียญให้ลงในกล่องไม้ หลังจากนั้นก็ปรบมือเพื่ออธิฐาน ขอแนะนำให้ไปศาลเจ้าเมจิในวันอาทิตย์ เพราะมีโอกาสที่จะได้เห็นพิธีแต่งงานแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมในที่นี้ด้วย ทั้งบริเวณศาลเจ้า และพื้นที่หลักนั้นได้ให้ความรู้สึกถึงความสงบและศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นความรู้สึกที่หาสัมผัสได้ยากในโตเกียว สถานที่แห่งนี้สามารถเข้าชมได้สะดวกและไม่เสียค่าเข้าซึ่งเหมาะกับทุกๆคน ไม่ว่าคุณจะต้องการจะพักจากความวุ่นวายในเมือง หรือต้องการจะสัมผัสความเก่าแก่ของญี่ปุ่น ผมมั่นใจว่า ที่ศาลเจ้าเมจิแห่งนี้จะไม่ทำให้คุณผิดหวังเลย
With easy access from Harajuku Station, ‘With Harajuku’ is the premier shopping and residency space for the glamourous fashion Mecca. At With Harajuku, residents can be an active part of the quickly changing trends of Tokyo. In addition to the living area, visitors to the area can take advantage of With Harajuku’s great shopping and dining offerings, including a new Ikea.
The Tōgō Shrine was established in 1940 and dedicated to Gensui The Marquis Tōgō Heihachirō shortly after his death. This shrine was destroyed by the Bombing of Tokyo, but was rebuilt in 1964. It is located in Harajuku, Tokyo, Japan. There, The Marquis Tōgō Heihachirō is celebrated as a shinto kami. [Wikipedia]