สำหรับผู้ที่ได้ไปเที่ยวที่เกียวโต คุณคงจะรู้จักวัดแบบนี้ ที่มีเสาโทริอิสีแดงกว่าร้อยต้นเรียงแถวต่อรูปปั้นคิสึเนะ หรือ สุนัขจิ้งจอก ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ-ไทชะ ในเกียวโต เป็นศาลเจ้าประมุขของศาลเจ้าอินาริกว่าพันแห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น หนึ่งในศาลเจ้าอินาริที่ผมได้พบขณะเดินเล่นไปรอบๆเมืองโอเคะงาวะในไซตามะ เป็นสถานที่ที่น่าดึงดูดให้เข้าไปเที่ยวอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นที่ที่คุณจะได้เห็นหินหนัก 610 กิโลกรัม (ไดบันจาคุ) ซึ่งครั้งหนึ่งถูกยกโดยนักซูโม่มวยปล้ำญี่ปุ่น ที่รู้จักกันในนาม ริคิชิ
อินาริ เป็น เทพเจ้าที่มีชื่อเสียงประจำอยู่ตามศาลเจ้าและวัดทางพระพุทธศาสนาในประเทศญี่ปุ่น ตามผลสำรวจในปี 1985 โดยสมาคมศาลเจ้าชินโตแห่งชาติ พบว่ามีศาลเจ้าอินาริจำนวน 32,000 แห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น
และเช่นเดียวกับศาลอินาริอื่นๆ สิ่งแรกที่ต้อนรับคุณ คือโทริอิ หรือประตูสีแดงมีมนตร์ขลัง คุณจะได้เห็นรูปปั้นของคิสึเนะ หรือ สุนัขจิ้งจอกที่อยู่ตรงทางเข้าด้วย ตามปกติแล้วคิสึเนะมักจะถูกตกแต่งด้วยโยดาเระคาเคะสีแดง (ผ้ากันเปื้อนลงคำปฏิญาณ) แต่น่าเสียดายผมไม่เห็นสิ่งนั้นในโอเคะงาวะ โดยปกติแล้วรูปปั้นคิสึเนะมักจะอยู่เป็นคู่ แทนตัวผู้และตัวเมีย
หลังจากที่เดินผ่านเข้าไปในโทริอิ คุณจะได้เห็น haiden หรือ ศาลเจ้าสำหรับการสักการะ haiden คืออาคารไม้สีน้ำตาล หลังคาสีเขียว มีโคมไฟหินสองอันด้านหน้า และเหมือนๆกับศาลเจ้าอื่นๆ คุณจะได้พบโชยุสะ หรืออ่างน้ำมนต์สำหรับชำระล้างตัวให้สะอาดก่อนจะเข้าไปสวดมนต์ใน haiden
สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับศาลเจ้าอินาริคือเรื่องราวสุดพิเศษ คุณจะพบไดบันจาคุซึ่งตั้งอยู่ทางด้านขวามือของ haiden หินหนัก 610กิโลกรัม ขนาด 121ซม.X54ซม.X75ซม. ครั้งหนึ่งเคยโดนยกโดยชายที่แข็งแรงที่สุดในสมัยเอโดะในปี 1852 นักมวยปล้ำซูโม่ผู้นี้มาจากหมู่บ้านซันโนะมิยะ (หรือ ซันโนะมิยะ อูโนสึเคะ) อย่างไรก็ตามตอนนี้มันถูกเรียกว่าหมู่บ้านโคชิงายะ มีงานศิลปะบางงานที่แสดงภาพเหตุการณ์ในครั้งนั้น ตั้งอยู่ใน haiden และเรื่องราวสุดพิเศษนี้ ทำให้หินก้อนนี้กลายเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของเมืองโอเคะงาวะ
การเดินทางมาศาลเจ้าอินาริแห่งนี้ง่ายพอสมควร เพียงแค่เดินจากสถานีโอเคะงาวะประมาณ 10 นาที โอเคะงาวะให้ นาคะเซนโดะ(เส้นทางโบราณสมัยเอโดะที่เชื่อมระหว่างเกียวโตและโตเกียว) เป็นบทเรียนทางประวัติศาสตร์และศาลเจ้าอินาริแห่งนี้เป็นหนึ่งในไฮไลท์สำคัญ เพราะฉะนั้นผมจึงได้ไปเที่ยวโอเคะงาวะและพักที่โรงแรม Route Inn Ageo เพื่อที่จะทำให้การเดินทางง่ายขึ้นกว่าเดิม