หมู่ศาลเจ้าและวัดแห่งนิกโกะ (Shrines and Temples of Nikko) นั้นได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก UNESCO World Heritage Site ในปี ค.ศ.1999 ด้วยโบราณสถานและสิ่งก่อสร้างอันทรงคุณค่าต่างๆ กว่า 103 รายการ และหนึ่งในโบราณสถานที่งดงามประณีตอย่างโดดเด่นมีชื่อเสียงที่สุดและเป็นดั่งสัญลักษณ์หนึ่งของนิโกะนั้นก็คือ ศาลเจ้านิกโกะโทโชกุ (日光東照宮 – Nikko Toshogu) นั่นเอง
ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นศาสสถานในศาสนาชินโตที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1617 เพื่ออุทิศให้กับโชกุนผู้หญิ่งใหญ่อย่าง Ieyasu Tokugawa ผู้สถาปนารัฐบาลทหารในการปกครองเมืองเอโดะ (โตเกียว) และถือเป็นโชกุนคนแรกของต้นตระกูล Tokugawa ที่เรืองอำนาจปกครองญี่ปุ่นมายาวนานกว่า 250 ปี เลยทีเดียว ผู้ที่สร้างศาลเจ้าแห่งนี้ขึ้นก็คือ Tokugawa Hidetada โชกุนคนที่สองแห่งตระกูล Tokugawa ผู้เป็นบุตรชายนั่นเอง โดยการก่อสร้างนั้นได้มีการระดมช่างฝีมือมากว่า 127,000 คน พร้อมทั้งมีการใช้เทคโนโลยีอันทันสมัยที่สุดในยุคนั้นเพื่อสร้างศาลเจ้าแห่งนี้ขึ้นมา ด้วยความที่รวบรวมช่างฝีมือมากมายทำให้ศาลเจ้าแห่งนี้เต็มไปด้วยงานฝีมืออันประณีตงดงามมากมายด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดีในปี ค.ศ.1636 ได้มีการบูรณะศาลเจ้าครั้งยิ่งใหญ่โดยโชกุนคนที่สามแห่งตระกูล Tokugawa ซึ่งก็คือ Tokugawa Iemitsu ได้ทำการก่อสร้างและปรับปรุงเกือบทุกอย่างใหม่หมดซึ่งก็คือภาพของศาลเจ้าที่เราเห็นอย่างในยุคปัจจุบันนี่เอง
จุดเด่นที่น่าสนใจ
- Ishidorii Gate : ประตูศาลเจ้าที่เราจะเจอด่านแรกก่อนเข้าสู่อาณาเขตศาลเจ้าชั้นในนี้นั้น เป็นประตูโทริอิที่ทำจากหินอันแข็งแกร่ง ซึ่งประตูนี้อุทิศถวายโดยขุนนางชั้นสูง Kuroda Nagamasa แห่งแคว้น Kyushu Chikuzen (จ.ฟุกุโอกะ ในปัจจุบัน) มันถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1618 โดยการลำเลียงหินมาทางเรือจากเกาะคิวชู (Kyushu) สู่เมืองโคยามะ (Koyama) ก่อนที่จะลำเลียงทางบกมาสู่นิกโกะอีกที ประตูหินอันเก่าแก่นี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมอันสำคัญ (Important Cultural Property) ของญี่ปุ่นอีกด้วย
- Gojunoto : หลังจากผ่านประตู Ishidorii Gate มาแล้วเราจะเจอกับเจดีย์ 5 ชั้นที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางป่าไม้อันร่มรื่น เจดีย์นี้สร้างอุทิศถวายโดยขุนนางชั้งสูง Sakai Tadakatsu แห่งเมืองโอบามะ (Obama) จ.วากาซะ (Wakasa) (ปัจจุบันเป็น จ.ฟุคุอิ (Fukui)) แต่ละชั้นนั้นสื่อถึงธาตุทั้ง 5 อันได้แก่ ดิน, น้ำ, ลม, ไฟ, อากาศ เจดีย์นี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1648 แต่มันก็ถูกไฟไม้จนวอดในปี ค.ศ.1815 และถูกสร้างขึ้นมาใหม่ในปี ค.ศ.1818 โดยขุนนาง Sakai Tadayuki ผู้เป็นขุนนางในตระกูลเดียวกันกับท่าน Sakai Tadakatsu นั่นเอง และเจดีย์นี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมอันสำคัญ (Important Cultural Property) ของญี่ปุ่นอีกด้วย
- Omotemon : ประตูหน้านี้ถือเป็นประตูศาลเจ้าแรกสำรับอาณาเขตศาสเจ้าชั้นใน ประตู้นี้ยังถูกเรียกว่า Nio Gate เพราะว่ามีรูปปั้นยักษ์สองตนคอยอารักขาศาลเจ้าอยู่ที่ริมประตูทั้งสองฝั่งด้วยนั่นเอง ประตูนี้เป็นงานไม้อันวิจิตร และยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมอันสำคัญ (Important Cultural Property) ของญี่ปุ่นอีกด้วย
- Sanjinko : หมู่อาคารคลังเก็บสมบัติแห่งการสักการะบูชาในศาสนาชินโตทั้งสามหลังนี้โดดเด่นด้วยงานแกะสลักไม้ที่ตกแต่งโดยรอบอย่างงดงามอลังการมีสีสันอันสวยสดงดงาม รูปแกะสลักที่มีชื่อเสียงที่ประดับอยู่บริเวณอาคารนี้ก็ได้แก่ Sozonozo Elephants (Imaginary Elephants) หรือ ช้างในจินตนาการ โดยรูปแกะสลักอันวิจิตรนี้แกะโดยศิลปินในยุคนั้นที่ไม่เคยเห็นช้างมาก่อน
- Nemurineko (Sleeping Cat) : อีกรูปแกะสลักไม้ที่โดดเด่นไม่แพ้กันก็คือรูปแมวหลับซึ่งช่างศิลป์นั้นแกะสลักออกมาสื่อถึงอารมณ์แมวได้อย่างยอดเยี่ยมทีเดียว แต่ที่โดดเด่นมากก็คือปรัชญาที่แฝงอยู่ในรูปแกะสลักนี้ซึ่งแมวหลับนี้เป็นการแฝงปรัชญาที่สื่อความหมายถึงสันติภาพอันสงบสุขนั่นเอง โดยผลงานนี้เป็นฝีมือการแกะสลักของช่างฝีมือชั้นบรมครู Hidari Jingorou นั่นเอง และรูปสลักนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกแห่งชาติญี่ปุ่น (National Treasure of Japan) อีกด้วย
- Sanzaru (Three Wise Monkey) : แต่สำหรับรูปแกะสลักที่โด่งดังที่สุดนั้นเห็นจะเป็นรูป ลิงสามตัว (三猿 – sanzaru) ซึ่งอยู่บนอาคาร Shinkyusha โดยรูปแกะสลักนี้เป็น ลิงปิดหู ลิงปิดปาก ลิงปิดตา ซึ่งนี่คือต้นกำเนิดปริศนาธรรมอันโด่งดังที่หมายถึง “การไม่เปิดตารับรู้โดยการมองสิ่งที่ไม่ดี” “การไม่เปิดหูรับฟังในสิ่งที่ไม่ดี” และ “การไม่เปิดปากกล่าววาจาในสิ่งที่ไม่ดี” ซึ่งว่ากันว่าภาพแกะสลักปริศนาธรรมนี้ตีความมาจากคัมภีร์ตามหลักขงจื้อของจีนที่เข้ามาในญี่ปุ่นพร้อมพุทธศาสนาช่วงราวศตวรรษที่ 8 และกลายมาเป็นตำนานเล่าขานกันต่อมา รูปแกะสลักนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมอันสำคัญ (Important Cultural Property) ด้วยเช่นกัน
- Yomeimon Gate : ประตูศาลเจ้านี้เป็นประตูไม้ที่สร้างขึ้นอย่างวิจิตรและถือเป็นสัญลักษณ์ (ภาพที่ปรากฏให้คนทั่วไปได้รู้จัก) ที่รู้จักกันเป็นอย่างดีของศาลเจ้าโทโชกุนี้เลยก็ว่าได้ ประตูนี้ถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “Main Gate of the Imperial Court” และมีอีกชื่อว่า “Gate of the Setting Sun” ประตูนี้เต็มไปด้วยรูปสลักอันวิจิตรกว่า 500 สิ่ง และเต็มไปด้วยเรื่องราวที่แฝงปริศนาธรรมไว้มากมาย ทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกแห่งชาติญี่ปุ่น (National Treasure of Japan) ด้วย และประตู Yomeimon Gaet นี้ยังได้รับยกย่องให้เป็นหนึ่งในประตูที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นปุ่นเลยทีเดียว >>> (หมายเหตุ : ขณะนี้มีการบูรณะประตู Yomeimon Gate อยู่ ซึ่งการซ่อมแซมนั้นจะมีการคลุมประตูไว้ตลอด การบูรณะในครั้งนี้มีกำหนดแล้วเสร็จ ค.ศ.2019)
- Gohonsha (Main Shrine) : ศาลเจ้าหลักนี้เป็นศาสนสถานที่อยู่อาณาเขตชั้นในและถือเป็นส่วนสำคัญที่สุดของศาลเจ้าโชกุแห่งนี้ โดยภายในประกอบไปด้วย ฮอนเด็น (Honden) ซึ่งเป็นโถงศูนย์กลางหลักของศาลเจ้า, อิชิโนะมะ (Ishinoma) (Stone Chamber) และ ไฮเด็น (Haiden) ห้องพิธีกรรมทางศาสนา ซึ่งศาลเจ้าหลักนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกแห่งชาติญี่ปุ่น (National Treasure of Japan) ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ภายในบริเวณศาลเจ้าโทโชกุแห่งนิกโกะยังมีโบราณสถานตลอดจนโบราณวัตถุอันล้ำค่าและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ตลอดจนวัฒนธรรมอีกมากมายให้เราได้ชมและซึมซับหลักธรรมตามหลักศาสนาชินโตที่รายล้อมด้วยธรรมชาติอันสงบร่มเย็น ซึ่งทำให้จิตใจเราสงบร่วมเย็นตามไปด้วยในทันทีที่ก้าวเข้ามาเยือนศาสนสถานอันทรงคุณค่าแห่งนี้
---------------------------------------------------------------
ศาลเจ้านิกโกะโทโชกุ (日光東照宮 – Nikko Toshogu)
+ ที่ตั้ง : 2301 Sannai, Nikko, Tochigi
+ เวลาให้บริการ :
- เม.ย.-ต.ค. > ทุกวัน 08.00-17.00 น.
- พ.ย.-มี.ค. > ทุกวัน 08.00-16.00 น.
+ ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ (ตั้งแต่มัธยมปลายขึ้นไป) ¥1,300 / เด็ก (ตั้งแต่มัธยมต้นลงมา) ¥450
- หมายเหตุ : Treasure House และ Museum of Art ต้องเสียค่าเข้าชมเพิ่มเติม
+ ติดต่อ : 0288-54-0560
- เว็บไซต์ศาลเจ้าโทโชกุ (ภาษาญี่ปุ่น) : www.toshogu.jp
- เว็บไซต์ศาลเจ้าโทโชกุ (ภาษาอังกฤษ) : www.toshogu.jp/english
- เว็บไซต์การท่องเที่ยวนิกโกะ : การท่องเที่ยวแห่งเมืองนิกโกะ (Nikko Tourism Association Inbound Committee) > www.nikko-japan.org
+ วิธีเดินทาง :
จากโตเกียวมายังนิกโกะ
- > Tobu Railways : จากสถานี Tobu-Asakusa หรือ Tokyo Skytree นั่งรถไฟสาย Tobu Skytree Line (ซึ่งจะวิ่งเชื่อม Tobu Nikko Line โดยอัตโนมัติ) ไปลงสถานี Tobu-Nikko
- หมายเหตุ : หากจะนั่งรถไฟจากโตเกียวไปนิกโกะเวลาขึ้นรถไฟให้สังเกตุขบวนให้ดี โดยผู้ที่จะต้องการไปสถานีปลายทาง Tobu-Nikko นั้น จะต้องขึ้นตู้รถไฟที่ 4-5 เท่านั้น เพราะเมื่อถึงสถานี Shimo-Imaichi ตู้ที่ 1-3 จะแยกขบวนเพื่อวิ่งต่อไปยัง Shin-Fujiwara ในสาย Tobu Kinugawa Line และขบวนที่ 4-5 จะวิ่งเข้าไปยังสถานี Tobu-Nikko / แต่อย่างไรทาง Tobu ได้จัดเจ้าหน้าที่ไว้คอยแนะนำตอนเข้าสู่ชานชาลาอยู่แล้ว หรือดูที่สติ๊กเกอร์ที่พื้นบริเวณจะขึ้นรถไฟ จะมีสัญลักษณ์บอกไว้ชัดเจน
จากนิกโกะมายังหมู่ศาลเจ้าและวัดแห่งนิกโกะ
- > Local Bus : นั่งรถเมลล์สาย World Heritage Bus ลงป้าย Omotesando