เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาวครั้งนี้นอกจากเที่ยวในเมืองที่ศิวิไลซ์อย่างโตเกียวแล้ว เรายังได้มาเที่ยวชนบทอีกด้วย เนื่องจากว่าเราได้รู้จักกับครอบครัวชาวญี่ปุ่นที่เมืองนี้จึงถือโอกาศมาเยี่ยมเยียนและฉลองปีใหม่กับครอบครัวญี่ปุ่น เรานั่งรถไฟจากโตเกียวมาลงที่สถานี Utusnomiya แล้วคุณลุงโอกะซังที่เรารู้จักก็ขับรถมารับเราไปยังบ้านพักซึ่งเป็น Pension หรือประมาณโฮมสเตย์ของแกเองในเมืองเล็กๆ ที่ชื่อว่า Mashiko
บ้านพัก Morino Garden Pension ของแกตั้งอยู่ในป่าหากดูจากภายนอกจะไม่คิดว่าด้านในจะน่าอยู่ สบาย สะอาดและทันสมัยขนาดนี้ เราพักห้องแบบญี่ปุ่น ตอนกลางคืนอากาศหนาวมากคุณป้าโอกะซังทำกระเป๋าน้ำร้อน (ยูเทมโปะ คาดเดาว่ามาจากคำว่ายุ ซึ่งแปลว่าน้ำร้อน และเทมโปะคือ temperature) ให้เราคนละอันเอาไว้วางที่เท้าเพื่อให้เท้าอุ่นตอนนอน เวิร์คมาก เช้าวันถัดมาคุณลุงพาเราเที่ยวชมเมืองซึ่งมีร้านค้าขายถ้วยชามภาชนะต่างๆ ที่เป็นเครื่องปั้นดินเผาและเซรามิค เมืองนี้มีร้านขายเครื่องปั้นดินเผาและเซรามิครวมๆ ประมาณ 300 กว่าร้าน
ในแต่ละปีจะมีเทศกาล Pottery Fair ซึ่งทำให้เมืองคึกคักเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว ระหว่างที่คุณลุงพาชมสถานที่ต่างๆ สิ่งที่แปลกตาและที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนคือ kiln หรือเตาเผาดินที่สร้างเป็นขั้นบันได เครื่องปั้นทั้งหลายจะถูกนำเข้าไปเผาด้วยความร้อนสูงเป็นเวลาสองสามวันให้ได้ที่ก่อนที่จะนำออกมาเคลือบเงาและตกแต่งสี หลังจากชมเครื่องปั้นดินเผาคุณลุงพาเราไปพบกับเซนเซที่สอนทำการย้อมผ้า indigo (คราม) แบบโบราณ ที่นี่มีผู้คนจากนานาประเทศมาเรียนการยอมผ้าไม่ใช่เฉพาะแต่ชาวญี่ปุ่นเท่านั้น
นับว่า Mashiko เป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์ทางด้านศิลปะที่น่าสนใจมากทีเดียว นอกจากศิลปะแล้ว Mashiko ยังขึ้นชื่อทางด้านไร่ผลไม้เช่น สตอเบอร์รี่ และ แอปเปิ้ลด้วย ใกล้ๆ เพนชั่นของคุณลุงมีสวนแอปเปิ้ลอยู่ คุณลุงพาเราเดินไปขออณุญาติเจ้าของสวนเพื่อเข้าไปชมและเก็บแอ๊ปเปิ้ล พอดีช่วงที่เราไปแอ๊ปเปิ้ลล่วงจากต้นเกือบหมดแล้วแต่เราก็ยังพอได้เก็บจากต้นและจากพื้นมาชื่นชมบ้าง หากใครอยากเที่ยวชนบทชมวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นและชื่นชอบศิลปะทำมือแล้วล่ะก็ขอแนะนำเมือง Mashiko นอกจากศิลปะแล้วหากไปเยือนในหน้าผลไม้ท้องถิ่นก็จะได้เที่ยวชมและเก็บผลไม้สดๆ จากสวนอีกด้วย