คำถามที่นักท่องเที่ยวหลายๆคนถามคือ จะไปหาโรงแรมที่เป็นศูนย์กลางและใกล้เส้นทางไปสนามบินและเป็นแบบที่เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่มีงบประมาณจำกัด แถมยังสะอาดและสะดวกสบายด้วยได้ที่ไหน?
ในขณะที่ส่วนใหญ่แล้วช่วงระหว่างวันคุณจะอยู่ข้างนอกมากกว่าอยู่ในห้องดังนั้นโตโยโกะ อินน์ โอสึกะน่าจะเหมาะกับคุณและหากคุณอยากรู้ว่าคุณจะอยู่ที่นี่เพื่ออะไร บอกได้เลยว่าโตโยโกะ อินน์ โอสึกะสามารถเป็นตัวเลือกที่ดี
โตโยโกะ อินน์เป็นโรงแรมเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นและตอนนี้ก็ใหญ่ที่สุดในจีนและเกาหลีใต้ด้วยเหมือนกัน โรงแรมมาพร้อมกับห้องพักสุดสะอาด, วอลล์เปเปอร์ลายสวยสีเบจอบอุ่น, ความสะดวกสบายแต่เตียงแข็งไปหน่อย, อ่างอาบน้ำ/ฝักบัว, ชุดนอนยูกาตะ, โทรศัพท์, ตู้เย็นเล็ก, โต๊ะเขียนหนังสือ, เครื่องปรับอากาศ, ชาญี่ปุ่น,และอุปกรณ์ล้ำๆบางอย่างเช่น กาต้มน้ำที่มีฟังก์ชั่นปรับความชื้นและทีวีที่มีช่องรายการภาษาญี่ปุ่นพร้อมด้วยภาพยนตร์ที่้ต้องการชม
ในส่วนพื้นที่ต้อนรับมีแล็ปท็อป/คอพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ, WiFi, หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษและญี่ปุ่นให้บริการและยังมีอาหารเช้าแสนเรียบง่ายแต่อร่อยเลิศที่รวมในค่าใช้จ่ายแล้วทุกๆเช้าอย่าง ซุปมิโซะ, โอนิกิริ(ข้าวปั้นรูปสามเหลี่ยม)กับสาหร่ายหรืออุเมะโบชิ(พลัมดอง)และบางครั้งจะมีครัวซองต์/ขนมปัง,ไส้กรอกมินิหรือไข่คนและสลัดสไตล์ญี่ปุ่น เช่น สลัดพาสต้ากับมายองเนสญี่ปุ่น, หรือสลัดมันฝรั่งบวกชาญี่ปุ่นหรือชาอังกฤษและกาแฟอเมริกัน และถ้าคุณอยากดื่มอย่างอื่นหรือนอนดึกแล้วตื่นไม่ทันอาหารเช้า ที่นี่ก็มีตู้ขายของอัตโนมัติ
เพื่อที่จะยิ่งทำให้โรงแรมเหมือนบ้านยิ่งขึ้น พวกเขายังมีที่เก็บกระเป๋าและเครื่องซักผ้าและอบผ้าหยอดเหรียญไว้ให้บริการ ถือเป็นบริการที่ดีเมื่อคคุณต้องเดินทางท่องเที่ยวนานๆและคุณไม่มีเสื้อผ้าหรือถุงเท้าจะใส่แล้ว! และหากคุณมีเวลาหน่อยคุณสามารถซักผ้าเองในห้องน้ำและดึงราวตากผ้าที่พับเก็บได้ออกมาผึ่งเสื้อผ้าตอนกลางคืนหรือถ้าอยากนำเสื้อผ้ามาตากลมก็แค่เปิดหน้าต่างเอา
ความงามของการเข้าพักในโอสึกะคือ ได้เห็นวิวที่สวยงามของชีวิตในโตเกียวมากขึ้นและอาคารต่างๆของชิบุยะ นี่เป็นโลกที่ฮะรุกิ มุระกะมิ กีดกันในนวนิยายของเขาเรื่อง Norwegian Wood จากโอสึกะคุณสามารถนั่งรถรางสายโทเด็น อะระคะวะและย้อนเวลากลับไปปี 1960 นั่งรถรางสายนี้เพื่อไปมหาวิทยาลัยวาเซดะและร้านหนังสือครอบครัวเก่าแก่ที่ถูกพรรณาในนวนิยาย
สิ่งที่ดีอื่นๆเกี่ยวกับโอสึกะคือ มันค่อนข้างอยู่กลางใจเมือง เดินทางแค่ 10 นาทีจากเส้นทางวงแหวน(เจอาร์สายมาโนเตะ)ไปอุเอโนะที่ที่คุณสามารถขึ้นรถไฟสำหรับไปสนามบินนาริตะได้ ผู้ที่มีบัตรเจอาร์ พาส สามารถไปถึงโตเกียวและเปลี่ยนเป็นรถไฟด่วนไปสนามบินได้ ที่โอสึกะจะเงียบกว่าาชินจุกุหรือชินนะกะวะมากดังนั้นง่ายในการขึ้นรถไฟแม้จะเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนและคุณจะต้องลากกระเป๋าน้ำหนัก 23 กิโลกรัมด้วยก็ตาม
ในโอสึกะมีโตโยโกะ อินน์ อยู่ 2 ที่ดังนั้นเช็คก่อนว่าคุณจองสาขาไหนไปแต่ถ้าคุณลืมว่าสาขาไหน พนักงานที่เป็นมิตรจะช่วยเหลือคุณเอง มีตึกสูงจำนวนไม่มากในโอสึกะและ 2 โรงแรมนี้สังเกตุได้ไม่ยากจากทางออกฝั่งเหนือของสถานี โตโยโกะอินน์โอสึกะคิตะกุจิ สาขา1เป็นสาขาที่ใกล้กับทางออกฝั่งเหนือขณะเดียวกันสาขา 2 ห่างจากสาขา 1 เพียงเดิน 2 นาที
ถ้าคุณพักอยู่ชั้นล่างๆของโรงแรม คุณสามารถเดินลงบันไดหนีไฟได้อย่างง่ายดายและเดินลงมาโดยไม่ต้องรอลิฟท์เพราะช่วงอาหารเช้าหรือช่วงเช็คเอาท์คนจะแน่นลิฟท์ ดังนั้นคุณจะได้ประหยัดเวลารอลิฟท์และใช้เวลานั้นไปเที่ยวได้มากขึ้น
แขกส่วนใหญ่ที่นี่เป็นชาวญี่ปุ่น พนักงานจะไม่พูดภาษาอังกฤษมากเท่าไร แต่การจองห้องในเว็บไซต์และการเช็คอินนั้นง่ายจริงๆ ในเว็บไซต์มีหลายภาษาให้เลือกและคุณสามารถเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกการจอง 1 วันก่อนวันเข้าพัก คุณสามารถสั่งพิมพ์แผนที่โรงแรมได้ด้วย นอกจากนี้พวกเขายังมีข้อเสนอราคาถูกลงนิดหน่อยสำหรับห้องเดี่ยวและมีส่วนลดให้ถ้าเข้าพักวันอาทิตย์ บางครั้งพวกเขาจะเสนอแพจเกจ"ซินเดอเรลล่า"ซึ่งเป็นแพจเกจที่คุณจะได้รับส่วนลดเมื่อเข้าพักหลังเที่ยงคืนโดยไม่ได้จองก่อนล่วงหน้า ผมคงจะไม่เปลี่ยนเป็นแพคเกจนี้หรอกนะเพราะโดยปกติแล้วโรงแรมนี้จะเต็มตอนเที่ยงคืนตลอด
ในตอนเช็คอิน พนักงานจะให้คุณกรอกแบบฟอร์ม 2 ภาษาและหากคุณเป็นสมาชิกระดับสูงของโรงแรม คุณจะได้พักฟรีหลังจากการเข้าพักวันที่ 8 หรือวันที่ 10(ขึ้นอยู่กับระดับสมาชิกของคุณซึ่งคุณอาจได้รับสิทธิพิเศษนั้นฟรีทั้งหมดหรือได้รับเพียงเล็กน้อย) คุณต้องเข้าพักที่โรงแรมนี้ 1 ครั้งต่อปีหรือทุกๆ 2 ปี(สำหรับสมาชิกชาวต่างชาติ)เพื่อรักษาสถานะสมาชิกไว้ สิทธิพิเศษอื่นๆที่เพิ่มเติมของสมาชิกคือ สามารถเช็คอินได้ตั้งแต่ 3 โมงเย็นแทนที่จะเป็น 4 โมงเย็น ผมยังไม่เคยได้ยินจากพนักงานเลยนะว่ามีแขกเช็คเอาท์ล่าช้า(หลัง 10 โมงเช้า)แต่ถ้าคุณมีกระเป๋าเดินทางคุณสามารถฝากไว้ที่โรงแรมได้ฟรี