ก่อนอื่นผมต้องขอบอกว่าผมน่ะเป็นคนไม่ชอบทานปลาดิบเอาซะเลย แต่ Shushi Dai ถือเป็นร้านแรกที่ทำให้ผมรู้สึกว่า...โอ้ว! ความอร่อยของปลาดิบที่แท้จริงมันเป็นอย่างนี้นี่เองรึ
ราวขึ้นสวรรค์ ... ความอร่อยที่ไม่ได้โม้นี้คุณก็สามารถสัมผัสเหมือนกับผมได้เช่นกัน ซึ่งร้านชูชิที่ว่านี้ก็คือร้านยอดนิยมแห่งตลาดปลาซึกิจิที่โด่งดังไปทั่วโลกนั่นเอง นอกจากที่จะถูกสื่อเล็กสื่อใหญ่ในระดับสากลรวมไปถึงหลากหลายสื่อในบ้านเราหยิบมาแนะนำกันมากมายแล้ว ซูชิที่นี่ก็ยังถูกคนญี่ปุ่นยกย่องว่าเป็นหนึ่งในร้านซูชิที่ดีที่สุดของโตเกียวอีกด้วย
ความยอดเยี่ยมนั้นอาจไม่ได้วัดกันเพียงแถวยาวเหยียดหน้าร้านที่ต้องรอคิวกันโดยเฉลี่ย 3 ชม. (เริ่มมีผู้คนทยอยมาจองแถวต่อคิวกันตั้งแต่ราวๆ ตี 4 เลยทีเดียว) เพียงเท่านั้น แต่มันยังรวมถึงคะแนนของความพิถีพิถันในการการคัดเลือกวัตถุดิบโดยเฉพาะปลาที่สดใหม่ บวกกับความอร่อยในตำรับเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร แล้วก็บวกกับความประณีตในการบรรจงทำซูชิแบบคำต่อคำเพื่อเสิร์ฟให้กับลูกค้าแต่ละคน แถมตบท้ายด้วยคะแนนความประทับใจของความเป็นกันเองของเชฟตลอดจนพนักงานร้าน ไปจนถึงการมีมิตรสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าต่างชาติไม่ว่าจะชาติใดก็ตาม นั่นทำให้ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ... จะกลับมาทานอีกรอบอย่างแน่นอน
ด้วยตัวร้านที่มีขนาดเล็กและมีที่นั่งรอบละ 10 กว่าคนเท่านั้นทำให้ความอร่อยที่นี่ต้องรอคอยกันสักนิด สำหรับเมนูซูชิเซ็ตที่ให้เราเลือกนั้นมีอยู่ 2 แบบ ด้วยกัน ซึ่งก็คือ Jyou Set กับซูชิ 7 ชิ้น (สนนราคา 2,500 เยน) กับ Omakase Set ซูชิ 10 ชิ้นโดยเชฟจะเป็นผู้เลือกให้ แล้วให้เราเลือกตามใจชอบได้อีก 1 ชิ้น (สนนราคา 3,900 เยน) ซึ่ง Omakase Set นี้เราจะได้ทานจากฝีมือเชฟเจ้าของร้านโดยตรงที่ขอบอกว่าคุ้มค่าคุ้มราคาทีเดียว
แน่นอนว่าเมนูพระเอกของร้านนี้ก็คือ Otoro หรือปลาทูน่านั่นเอง ซึ่งปลาทูน่าสดใหม่นั้นจะถูกแร่เนื้อชิ้นบางแปะลงบนข้าวปั้นเนื้อนุ่มพร้อมทาซอสสูตรพิเศษของทางร้าน เรียกได้ว่าเป็นคำแรกของการต้อนรับที่ใครๆ ต่างก็หลงใหลรวมถึงตัวผมที่รู้สึกถึงความอร่อยแบบกำลังละลายในปากที่ใครๆ หลายคนเคยพูดถึง พร้อมกับความรู้สึกที่ผุดขึ้นในหัวทันทีว่า ... ไม่รู้สึกถึงการกินปลาดิบเลยจริงๆ ... เนื้อปลาทูน่าที่ดีนั้นต้องมีมันแทรกกำลังเหมาะ ความสดใหม่ ไร้กลิ่นคาว พร้อมรสหวานในแบบธรรมชาติจากเนื้อปลานั้น เข้ากันได้ดีกับข้าวปั้นสูตรพิเศษ เนื้อปลาที่นุ่มลิ้นไม่เหนียวนั้นทำให้เรากัดปลาและใช้ลิ้นสัมผัสมันได้อย่างอ่อนละมุนราวขึ้นสวรรค์ ... ขอย้ำอีกครั้ง ไม่รู้สึกกว่ากำลังกินความหยึ๋ยของของคาวแบบที่เคยรู้สึกมาในครั้งก่อนๆ เลยจริงๆ
หลังจากเนื้อปลา Otoro นั้นก็มีซูชิหน้าปลาดิบประเภทต่างๆ ตามมาอีกมากมาย ปลาส่วนใหญ่นั้นมีเฉพาะน่านน้ำญี่ปุ่นซึ่งการได้ชิมรสชาติแบบสดใหม่นั้นต่างจากปลาดิบที่ขนส่งไปยังที่ต่างๆ ทั่วโลกแน่นอน ... เมนูเกือบจะปิดท้ายอีกเมนูที่ผมชื่นชอบเป็นพิเศษนั้นเห็นจะเป็นไข่หวานสูตร Sushi Dai ซึ่งผมว่าไข่หวานในตำรับพิเศษเฉพาะตัวนี้มีความอร่อยไม่เหมือนใคร วัตถุดิบที่นำมาผสมผสานนั้นเป็นสูตรเฉพาะตัวที่ให้รสชาติแปลกกว่าใคร กรรมวิธีที่พิถีพิถันในการทำไข่หวานนั้นถ่ายทอดออกมาทางรสชาติได้อย่างยอดเยี่ยมทีเดียว ... อ้อ! แถมท้ายอีกเมนู สำหรับเมนูนี้ไม่ใช่ซูชิสูตรไหนๆ แต่ทว่ามันคือซุบมิโซะแสนอร่อยที่เสิร์ฟให้ฟรีไม่อั้นตามที่เราต้องการระหว่างการกินซูชินั่นเอง ซุปนี้เป็นสูตรโฮมเมดครับ มีรสชาติของน้ำซุปเฉพาะตัว ใส่หอยลงไปแบบไม่หวงวัตถุดิบ เหมาะสำหรับการซดแกล้มซูชิเป็นอย่างยิ่งเลยล่ะ
Sushi Dai นั้นทำให้ทัศนคติและประสบการณ์การกินปลาดิบของผมเปลี่ยนไปจริงๆ ... ผมไม่สงสัยเลยว่าทำไมร้านอาหารร้านนี้ถึงโด่งดังระดับโลกและมีผู้คนมากหน้าหลายตาแวะเยือนมาชิม ... ก็อาหารที่อร่อยน่ะ อาจไม่ได้อยู่ที่รสชาติและรสมือเพียงอย่างเดียวน่ะสิ ... มิตรภาพ รอยยิ้ม ความจริงใจ และไมตรี เป็นเสมือนเคล็ดลับเครื่องชูรสที่ทำให้อาหารนั้นออกรสอร่อยได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
ซึเก้ ... โออิชี่ ... แอนด์ อริกาโต้โกะไซมัส
ขอบคุณครับ ... แล้วผมจะกลับมาเยือนอีก
ที่ตั้ง : ตึกแถวซอยหมายเลข 6 บริเวณด้านหน้าตลาดปลาซึกิจิ (Tsukiji Fish Market) โซนด้านใน
เปิด-ปิด : 05.00-14.00 น. ปิดวันอาทิตย์และวันหยุดของตลาดปลา
เมนู : มีให้เลือก 2 แบบ คือ 1.Jyou Set ซูชิ 7 ชิ้น ราคา 2,500 เยน และ 2.Omakase Set ซูชิ 11 ชิ้น ราคา 3,900 เยน
วิธีเดินทาง :
>วิธีที่ 1 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย H-Hibiya Line (สีเทา) ลงสถานี H10-Tsukiji ทางออก 1 (Exit 1) เสร็จแล้วเดินไปตามถนนอีกราว 5-10 นาที จนถึงตลาดปลาซึกิจิ
>วิธีที่ 2 : นั่งรถไฟใต้ดิน Toei Line สาย E-Oedo Line (สีชมพู) ลงสถานี E18-Tsukijishijo ทางออก A1) แล้วเดินไปยังจนถึงตลาดปลาซึกิจิ