หอคอยเทนโดะ อยู่ไม่ไกลจากสถานีเทนโดะ มีเสน่ห์อยู่หลายประการ มากพอที่ควรจะมาแวะชมในเมืองเล็ก ๆ ของยามากาตะแห่งนี้
เรามาถึงชั้นเรียนโซบะก่อนเวลา ก่อนจะถูกพาไปยังสวนด้านหลังตึกและพบกับความงามของทางเดินเล็ก ๆ กับสะพานที่เปลี่ยนให้พื้นที่น้อย ๆ แห่งนี้เป็นเหมือนป่าขนาดจิ๋ว
เส้นทางที่เดินผ่านสวนนั้นสะท้อนถึงแต่ละช่วงชีวิตของกวีชื่อดังนามบาโช ที่ขึ้นชื่อเรื่องบทกวีไฮคุว่าด้วยเสียงของกบที่กระโดลงไปในผืนน้ำ ทุกซอกมุมของสวนจะเผยให้เห็นถึงบทกวีบางส่วนหรือชีวิตจริง ๆ ของเขา
หลังเดินเล่นอยู่สิบห้านาทีในสวนเล็กแห่งนี้ เราก็กลับไปที่ตึกใหญ่เพื่อฆ่าเวลาในร้านกิ๊ฟช็อป แต่อาจารย์ที่สอนทำโซบะ (ค่าเรียน 1500 เยน) มาถามว่าเราอยากเริ่มเรียนก่อนเวลาไหม
ที่ห้องครัว เราได้เรียนวิธีการผสมแป้งโซบะ 80 เปอร์เซ็นต์เข้ากับแป้งขาว 20 เปอร์เซนต์และน้ำเปล่าเข้าด้วยกัน เพื่อให้อากาศเข้าไปในแป้ง เขาบอกให้เราเว้นรูว่างไว้และใช้มือห่อแป้งแบบเบา ๆ แล้วบีบให้เป็นรูปโค้งมนก่อนจะรีดให้แบนซ้ำ ๆ พอนวดได้ที่แล้วเราก็คลายม้วนออกมา กรีดให้เป็นแผ่นสี่เหลี่ยมจตุรัส จากนั้นก็หั่นให้เป็นเส้นบะหมี่บาง ๆ
แล้วบะหมี่ (ที่เกือบจะ) แสนเพอร์เฟกต์ของเราก็ถูกนำไปต้ม ส่วนเราก็นั่งรออยู่ในห้องทานอาหารขนาดใหญ่ที่สว่างจ้า พอบะหมี่ของเราถูกนำมาในจานรูปโชกิ เราก็เอาไปจุ่มในดาชิก่อนจะเริ่มทานเพื่อเป็นรางวัลแก่ผลงานอันยอดเยี่ยมของเรา
หลังพักเที่ยงแล้วก็ได้เวลาเข้าเรียนศิลปะ (1050 เยน) เรานั่งกับอาจารย์ในห้องตาตามิและฟังเขาอธิบายวิธีวาดลายโชกิ โชคดีที่แผ่นไม้ที่เราระบายนั้นมีขนาดใหญ่กว่าของจริงที่เล็กจิ๋ว แต่ฉันก็ยังคิดไม่ออกว่าจะวาดอะไรยังไงแม้จะมีตัวอย่างสวย ๆ มาให้ดูก็เถอะ
แต่ว่าหลังจากได้ลองวาดลายตามตัวอักษรที่เราเลือกลงแผ่นไม้ ลงสีตามเส้นร่าง แล้วทาหมึกสีดำหนาลงไปฉันก็เริ่มเห็นสิ่งที่น่ายินดี เป็นของที่ระลึกฝีมือตัวเองจากยามากาตะ
พอเราทำเสร็จ อาจารย์ก็เอาโชกิออกมาให้ดูเพียบ และอธิบายความแตกต่างของชิ้นที่ถูกประทับลาย สลักลาย หรือแบบทาสีลงไป
และเขายังจัดการเรื่องส่งผลงานของเราไปยังที่ทำงานของเพื่อนฉันในเมืองให้ด้วย เพราะต้องรอสามวันกว่าหมึกที่ทาจะแห้ง อาจารย์ไม่อยากให้เราลำบากปั่นจักรยานเอากลับบ้านไป
ที่หอคอยเทนโดะยังมีร้านอาหาร ถ้าเกิดคุณคิดว่าทานฝีมือบะหมี่ตัวเองไม่ลง และยังรับจัดงานเช่ยปารืตี้เบียร์ ตลาดนัด กับคอนเสิร์ตด้วย เรียกได้ว่าน่าเที่ยวมาก ๆ