โอไดบะเป็นสถานที่ซึ่งโดนใจฉันมากที่สุดในโตเกียว อย่างน้อยก็เป็นสถานที่กลางอ่าวโตเกียวที่มนุษย์สร้างขึ้นซึ่งฉันชอบมากที่สุด แถวนี้บางครั้งก็ถูกเรียกว่าเมืองโทรคมนาคมซึ่งผ่านช่วงภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่ในยุคแปดศูนย์ ตั้งอยู่บนพื้นดินที่ถมบนทะเล จากที่เคยเป็นเมืองอุตสาหกรรม ก็ได้ถูกแบ่งสรรพื้นที่ใหม่ในปีค.ศ. 1994 และมีแผนที่จะสร้างให้ที่นี่เป็นเมืองแห่งอนาคตชื่อว่าโตเกียว เทเลพอร์ต ทาวน์ มีการเล็งไว้ว่าจะจัดการแสดงนิทรรศการนานาชาติขึ้นในปี 1996 เพื่อสร้างชีวิตให้กับบริเวณนั้น อย่างไรก็ตามด้วยการสิ้นสุดของยุคเศรษฐกิจฟองสบู่และการเปลี่ยนแปลงของสำนักงานบริหารมหานครโตเกียวทำให้นิทรรศการถูกยกเลิกไป และอนาคตของโครงการยักษ์ใหญ่นี้ก็ยังคงเป็นปริศนามาอย่างยาวนาน
แต่โชคดีที่เมื่อราวสิบกว่าปีที่แล้ว ที่นี่ถูกพัฒนาให้เป็นสถานที่แห่งความสำราญ ชื่อของที่นี่ถูกตั้งตามปืนใหญ่ขนาดยักษ์ที่ปกป้องโตเกียวจากการถูกจู่โจมในสมัยเอโดะ (ซึ่งเรียกว่า "ไดบะ") และจริง ๆ ก็จะมีการเปลี่ยนชื่อให้ฟังดูดึงดูดนักท่องเที่ยวมากกว่านี้ (เช่น "โตเกียว เทเลพอร์ต ทาวน์" หรือ "เรนโบว์ ทาวน์" เป็นต้น) แต่แล้วที่นี่ก็รู้จักกันในชื่อโอไดบะมานับแต่นั้น ฟูจิ ทีวีมีกิจการที่ใหญ่ที่สุดในแถบนั้นซึ่งมีสตูดิโอระดับงานศิลป์แนวหน้าที่ออกแบบโดยทันเงะ เคนโซ แล้วก็ห้างเดคส์ โตเกียว บีชที่เข้ามาเปิดทางให้กับความบันเทิงในรูปแบบอื่น ๆ เมื่อมีโรงแรมเปิดแห่งหนึ่งก็จะมีตามมาอีกหลายที่ นับจากนั้นแถบนี้ได้กลายเป็นบริเวณแห่งความสำราญเต็มรูปแบบ
โอไดบะนั้นเป็นเหมือนอีกโลกหนึ่งซึ่งแยกออกมาจากโตเกียว ฉันชอบทั้งสองเมืองเลยนะ แต่เมื่อเทียบกับความมีชีวิตชีวาและประวัติศาสตร์ของโตเกียวแล้วนั้น โอไดบะคือสีสันสดใหม่กลางทะเลสีเทา ทั้งทางเดินริมทะเล สวนสาธารณะ และชิงช้าสวรรค์ในรีสอร์ตริมทะเลทำให้รู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน และขณะเดียวกันที่นี่ก็ยังไฮเทคมากด้วย (ลองไปดูที่มิไรคันหรือพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และนวัตกรรม) ประวัติศาสตร์อันไม่ยาวนานนักของที่นี่ทำให้มันมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร คนจะหลั่งไหลกันมาเต็มและพลุกพล่านมากโดยเฉพาะในช่วงวันหยุด เมื่อทุกกิจการบนเกาะเต็มไปด้วยความคึกคักเพื่อมอบประสบการณ์สมบูรณ์แบบให้กับทุกคน แม้ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาล แต่ก็ไม่ยากนักถ้าจะหาที่เงียบ ๆ บนชายหาด หรือที่ปิคนิคแถวปืนใหญ่ หรือนั่งเรือเฟอร์รี่ข้ามอ่าว หรือลองไปเที่ยวสวนสาธารณะและสนามเด็กเล่นดูสักแห่ง
แต่ทั้งหมดนั้นก็ไม่ได้แปลว่าโอไดบะจะหยุดพัฒนาแล้ว วันหนึ่งเมืองแห่งนี้จะเจริญเต็มที่ และเมื่อถึงตอนนั้น สนามหญ้าและวิวโล่งทั้งหลายจะหายไป ก็อย่างในช่วงทศวรรษ 1990 ที่นี่เต็มไปด้วยสนามและบริเวณก่อสร้าง ทั้งแผ่นคอนกรีตและท่าเรือจำนวนมาก แทบไม่มีใครอาศัยอยู่ในเมืองเล็ก ๆ นี้เลย ภาพถ่ายบริเวณเดินเล่นทางทิศใต้ของสะพานสายรุ้งที่โอไดบะในช่วงประมาณปี 1994 ซึ่งมีแต่เครนและคอนกรีตจำนวนมากทำให้มันดูเหมือนบริเวณที่ถูกแผ่นดินไหวครั้งใหญ่มากกว่าจะเป็น "เมืองแห่งอนาคต" แต่เพียงแค่ไม่ถึงยี่สิบปีต่อมา เจ้าของธุรกิจทั้งหลายต่างก็แย่งชิงพื้นที่มีหญ้าทุกตารางนิ้วที่เหลืออยู่ ที่ดินคือเงินทอง และมหานครอย่างโตเกียวก็มีแต่จะเหลือพื้นที่ว่างลดน้อยลงทุกปี เมืองโอไดบะที่ฉันทั้งรักและรู้จักจะเปลี่ยนแปลงไปทุกครั้งเมื่อฉันกลับมาเยี่ยมหลังจากที่ไปโตเกียว บางครั้งก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น บางทีก็แย่ลง แต่เมืองนี้ไม่เคยขาดเสน่ห์ความน่าค้นหาและความน่าประหลาดใจเลย