แม้ว่าฮอกไกโดจะมีฤดูหนาวที่ยาวนานกว่าหกเดือนและมีหิมะตกหนา ฤดูใบไม้ผลิก็สั้นกว่าเกาะอื่นๆ ด้วยความยาวไม่เกินสองเดือน แต่เมื่อถึงเดือนมิถุนายน ฮกอไกโดก็เข้าสู่ฤดูร้อนพร้อมๆกับเกาะที่อยู่ใต้ลงไป แต่ด้วยอากาศที่อากาศเย็นและแห้ง มีฝนตกปริมาณปานกลาง ซึ่งน้อยกว่าเกาะอื่นๆ ทำให้เป็นช่วงเวลาสดใสพิเศษที่ชีวิตชีวากลางแจ้งของผู้คนทุกหมู่เหล่า ตั้งแต่ชาวไร่มันฝรั่งจนถึงนักเดินเขาจะได้ปลดปล่อยพลังงานตามวิถีชีวิตอย่างเต็มรูปแบบ
วันที่ 14 -16 มิถุนายนตามปฏิทินสากลของทุกปี ศาลเจ้าฮอกไกโดที่ตั้งอยู่ใจกลางสวนมะรุยะมะอันเขียวขจีประดุจป่ากลางเมืองซัปโปะโระ ห่างจากสถานีรถไฟใต้ดินมะรุยะมะ-โคเอ็นไปทางตะวันออกไม่กี่ก้าวเดิน จะจัดพิธีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบปีเพื่อรับฤดูร้อนตามความเชื่อแบบชินโต งานพิธีกรรมนี้ดึงดูดผู้มีจิตศรัทธาจากทั่วญี่ปุ่นเป็นจำนวนร่วมหลักล้านครับ นับปริมาณผู้เข้าร่วมดูแล้วไม่น้อยไปกว่าเทศกาลหิมะที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกเลย แต่กลับไม่เป็นที่รู้จักในหมู่ชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวไทยเท่าไรครับ
ในเวลานั้นเมื่อคุณผู้อ่านเดินผ่านทิวไม้เขตหนาวที่สูงตระหง่านแตกใบเขียวครึ้มตามฤดู ชวนให้เย็นใจไปได้ไม่นานนัก เสียงแห่งความสนุกสนานก็จะดังขึ้นเรื่อยๆ แบบยิ่งใกล้ยิ่งดัง และแล้วเมื่อคุณผู้อ่านเดินทางผ่านซุ้มประตูศาลเจ้า เสี้ยวชีวิตที่ไม่มีทางได้เห็นจากชาวญี่ปุ่นในเวลางานก็จะเผยให้เห็นเต็มๆ ตลอดพื้นที่ครับ ตั้งแต่เด็กเล็กๆ ที่ใช้สวิงกระดาษสาดักปลาทอง คนหนุ่มสาวทั้งในชุดลำลองสบายๆ และชุดยูกาตะเดินรับประทานอาหารทานเล่น หญิงสาวฝึกลิงแต่งกายโฉบเฉี่ยวเรียกความฮือฮาจากผู้ชม ฯลฯ แต่งานประจำปีของศาลเจ้าจะไม่สมบูรณ์ถ้าคุณผู้อ่านลืมขอพรจากเทพเจ้าแห่งธรรมชาติทั้ง 4 องค์ และดวงวิญญาณองค์จักรพรรดิเมจิอย่างเด็ดขาด มาถึงที่นี้แล้วหยอดเหรียญ 5 เยน ลงในกล่องรับบริจาค ดึงเชือกฆ้อง ขอพร แล้วปรบมือสามครั้งก่อนโค้งคำนับ เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีขอพรแก่เทพเจ้าแบบชินโตครับผม
ตลอดสามวันนี้ หากคุณผู้อ่านเดินเลาะไปตามท้องถนนที่ตีเป็นตารางอย่างเป็นระเบียบของเมืองซัปโปะโระ คุณอาจจะได้เห็นขบวนอัญเชิญเทพเจ้าแบบย่อส่วน (Mikoshi) อันน่าตื่นตาตื่นใจ พร้อมด้วยผู้มีจิตศรัทธาในเครื่องแต่งกายแบบญี่ปุ่นมากหน้าหลายตา อย่างที่ผมเจอโดยบังเอิญมาแล้วครับ