"ทำไมมันหนักแบบนี้เนี่ย !"นี่คือหนึ่งในประโยคที่ฉันพร่ำพรรณนาตลอดการเดินทางเพื่อเที่ยวชมอดีตเมื่องหลวงเก่านามว่า "Kamakura"เพราะเหตุใดฉันถึงบ่นแบบนี้น่ะหรอ เพราะฉันกำลังเดินเที่ยวชมเมืองแห่งนี้ด้วยการแต่งชุดกิโมโนพร้อมกับความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ตลอดเวลาน่ะสิ และด้วยสิ่งนี้เองคงเป็นอีกหนึ่งการพิสูจน์ถึงความอดทนและรักชาติของคนญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี
คามาคุระ คืออดีตเมืองหลวงที่แสนยิ่งใหญ่ในอดีตกาลกินเวลายาวนาน 141 ปีถูกสถาปนาขึ้นโดยโชกุนมินาโตะ โนะ โยริโมโตะ ซึ่งในห้วงเวลานั้นพระพุทธศาสนาได้เจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก จึงเป็นสาเหตุให้ที่นี่มีวัดวาอารามมากกว่า 65 แห่งและศาลเจ้าชินโตอีกถึง 19 แห่ง การใส่ชุดกิโมโนท่องเที่ยวยังเมืองแห่งนี้ จึงถือเป็นสิ่งที่คู่ควรและเหมาะสมกับการเที่ยวชมความงามและวัฒนธรรมเป็นอย่างมาก
สถานีคามาคุระ คือจุดเริ่มต้นและจุดเปลี่ยนของเส้นทางในการท่องเที่ยวไปยังบริเวณโดยรอบของเมืองแห่งนี้ จากประสบการณ์การท่องเที่ยวตลอด 1 วันเต็มทำให้พบว่า เส้นทางการท่องเที่ยวหลักๆนั้นแบ่งได้ 3 ทาง คือ
1.นั่งรถไฟจากสถานีคามาคุระไปยังสถานีคิตาคามะคุตะ เพื่อไปชมวัดเคนโชจิ (Kenchō-ji) และวัดโจชิจิ (Jōchi-ji) 10.30 น.คือเวลาที่ต้องกลับไปยังสถานีคามาคุระเพื่อตรงดิ่งไปยังร้านกิโมโนให้ทันก่อนเวลา 11.00 น.
2.จากสถานีคามาคุระดินลัดเลาะไปยังถนนโคมาชิ-โดริ ถนนเส้นนี้ถือเป็นย่านการค้าที่สำคัญในเชิงท่องเที่ยวซึ่งอยู่ติดกับสถานีและได้ทอดยาวไปสุดถนนเพื่อไปยังศาลเจ้า สึรุงะโอกะ ฮะจิมังกุ (Tsurugaoka Hachiman-gū) และถนนโคมาชินี่เอง เป็นที่ตั้งของร้านกิโมโน Kosode อัตราค่าเช่าชุดกิโมโนอยู่ที่ 5,000 円 ทำผม 1,000 円 ภาษี 5% รวม 6,300円 ต่อคน แทบจะไม่ต้องบรรยายถึงความรู้สึกใดใดให้มาก ณ ตอนนั้นรู้แต่เพียงว่าหายใจลำบาก การก้าวเท้าไม่ต่างอะไรกับการซอยเท้า หนักศีรษะ และเจ็บเท้าอย่างถึงที่สุด คนญี่ปุ่นยังอดทนได้ ทำไมเราจะอดทนไม่ได้!!
3.จากสถานีคามาคุระนั่งรถไฟสาย Enoden ผ่านสถานีฮาเซ ซึ่งอยู่ใกล้กับวัดฮาเสะเดระ (Hasedera) และสามารถเดินเท้าต่อไปยังวัดพระใหญ่ ไดบุตสึ (The Great Buddha of Kamamura) รถไฟสายนี้จะลัดเลาะผ่านชายหาดยูอิงาฮามะ (Yuigahama Beach)ไปสุดยังสถานีฟูจิซาว่า (Fujisawa) และสิ่งสุดท้ายที่นักท่องเที่ยวต้องคิดต่อ คือจะย้อนกลับทางเดิมไปยังสถานีคามาคุระหรือเริ่มต้นเดินทางต่อจากสถานีแห่งนี้ไปสู่สถานที่แห่งใหม่ที่รอคุณข้างหน้า
