ใกล้ค่ำแล้ว แต่ผมรู้สึกสบาย หายใจอากาศฤดูใบไม้ผลิ ที่ถูกทำให้อุ่นโดยแสงแดดในเวลากลางวัน และกลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกไม้ หันหลังให้กับปราสาทนิโจะ-โจะ ผมเริ่มเดินไปทางทิศตะวันออกบนถนนทะเคะยะมะชิ โดะริ (Takeyamachi Dori) ผ่านถนนโฮะริกะวะ โดะริ (Horikawa Dori) ถนนทะเคะยะมะชิ โดะริ แคบพอสมควรและมีสถานที่ท่องเที่ยวไม่กี่แห่ง ดังนั้นจึงรักษาความรู้สึกบ้านๆ ไว้มาก
ดังนั้นฉันจึงสามารถสัมผัสชีวิตของผู้คนในเกียวโต:
ชายชราคนหนึ่งที่เพิ่งออกจากร้านตัดผม ลูบคอของเขาอย่างสบายอารมณ์
เด็กนักเรียนมัธยมผ่านมาบนจักรยาน
หญิงสาวเดินกลับบ้านจากที่ทำงาน
เด็กสองสามคนวิ่งกลับบ้าน ด้วยใบหน้าเหนื่อยหล้าหลังจากวิ่งเล่น
บ้านไม้เก่าแก่ของพ่อค้าที่เรียงรายอยู่บนถนน แต่งแต้มด้วยสีส้มของพระอาทิตย์ตกดิน พวกเขาได้เริ่มจุดไฟในห้องพักให้สว่างขึ้นตรงนั้นตรงนี้ และดูเหมือนจะยุ่งอยู่กับการตระเตรียมสำหรับช่วงเย็น
เมื่อผมมองขึ้นไปลอยๆ ผมพบรูปปั้นดินเผาที่ชายคาบ้าน
ที่มีชื่อเรียกว่าโชะกิ
ย้อนกลับไปเมื่อพันและอีกไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมา ไปถึงเรื่องเล่าในยุคโตะห์ ในจีนโบราณจักรพรรดิเก็นโซะ-โกะเทะอิ (Genso-Kotei) กำลังทุกข์ทรมานจากอาการไข้ และฝันร้าย ในความฝันของพระองค์ ปีศาจน้อยกำลังอาละวาด ได้มีปีศาจใหญ่โผล่ออกมาจับและกินปีศาจน้อย จักรพรรดิได้ถามชื่อของปีศาจใหญ่
ปีศาจตอบว่า "ข้าแต่พระองค์ กระหม่อมชื่อโชะกิ กระหม่อมไม่สามารถสอบผ่านข้าราชการพลเรือน กระหม่อมจึงละอายใจยิ่งนักและได้ฆ่าตัวตาย อย่างไรก็ดีจักรพรรดิพระองค์ก่อนได้จัดการฝังศพของกระหม่อมเป็นอย่างดี และกระหม่อมมาที่นี่เพื่อตอบแทนที่ทรงพระกรุณา "
เช้าวันรุ่งขึ้นจักรพรรดิตื่นขึ้นมา พบว่าตัวเองรู้สึกดีขึ้นมาก จึงเรียกให้จิตรกรมาวาดภาพปีศาจใหญ่ ที่ปรากฏตัวขึ้นในความฝันของพระองค์ เมื่อภาพของปีศาจในรูปเป็นปีศาจตัวเดียวกับที่องค์จักรพรรดิได้เห็นในความฝัน พระองค์มีคำสั่งให้คนของพระองค์ แพร่กระจายข่าวเกี่ยวกับปีศาจใหญ่เพื่อเป็นเครื่องลางป้องกันสิ่งที่ชั่วร้าย
นี่คือเหตุผลที่เราเห็นรูปปั้นโชะกิมากมาย และแตกต่างกันในชายคาบ้านทุกแห่งในเกียวโต ฉันไม่เคยมีโอกาสได้เห็นรูปปั้นโชะกิในที่อื่นๆในญี่ปุ่น ยกเว้นเกียวโต นี่แหละเป็นการวัดความละเอียดปราณีตทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของที่นี่ และคุณยังสามารถดูตัวอย่างได้ ผมสงสัยว่า ผมควรจะหามาวางไว้บนชายคาบ้านของตัวเองสักตัว