ผมกำลังเดินสูดอากาศบริสุทธิ์บนผืนป่าที่แสนบริสุทธิ์อีกแห่งหนึ่งเกียวโต
กิจกรรมเดินป่านั้นอาจดูเหนื่อยและหินสำหรับบางคนที่มองว่าการท่องเที่ยววิธีนี้ต้องใช้ความสามารถและพละกำลังมหาศาล แต่มันจะตรงกันข้ามหากคุณรักธรรมชาติ มีจิตใจที่อยากจะสัมผัสผืนป่า สูดความสดชื่นของอากาศบริสุทธิ์ และทิ้งตัวไปกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่โผล่มาให้เราเข้าไปทำความรู้จักตลอดเส้นทาง ... การเดินป่าของผมอาจจะแตกต่างจากนักเดินป่าอาชีพทั่วไปอยู่บ้าง (หรือนักเดินป่าที่ทุกคนวาดภาพไว้ในหัว จากที่เคยเห็นในทีวี) อาจเป็นเพราะเส้นทางที่ผมชอบเดินนั้นเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติแบบง่ายๆ ไม่สมบุกสมบันนัก (แต่ก็เรียกเหงื่อได้พอประมาณ) แล้วก็ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากก็สามารถเดินเข้าสู่โลกของธรรมชาติได้อย่างสบายๆ ... กิจกรรมเดินป่าสำหรับผมมักแทรกตัวเข้ามาอย่างไม่ตั้งใจเสมอ มีน้อยครั้งที่ผมจะตั้งใจเพื่อไปเดินป่าจริงๆ ซึ่งการเดินป่าส่วนใหญ่นั้นมักเกิดจากความบังเอิญ ... ใช่! คราวนี้ก็บังเอิญ
หลังจากฝนปลายฤดูแวะมาพรมให้ภูเขาคุรามะชุ่มชื่นสักครู่ใหญ่ก่อนที่จะฝนจะค่อยๆ จางหายไปอย่างช้าๆ ซึ่งเป็นเวลาที่ผมตัดสินใจขึ้นไปเยือนวัดคุรามะที่บนยอดเขา (เป็นวันที่ผมไม่ได้เช็กอากาศล่วงหน้าเสียด้วยสิ) เดินชมวัดสักพักก็เตรียมตัวที่จะลงสู่ด้านล่างด้วยรถรางอย่างที่ขึ้นมา แต่อะไรดลใจก็ไม่ทราบ ทำให้ผมอยากลองเดินไปที่ด้านหลังวัดดู ซึ่งพ้นจากประตูวัดนั้นก็คือป่าผืนใหญ่อันร่มรื่นนั่นเอง
ลองเดินไปสักหน่อย ... ขอแค่สัก 100 เมตร แล้วค่อยกลับก็ได้ ไหนไหนก็มาแล้ว (ผมคิดในใจ)
ระหว่างที่เดินป่านั้นผมก็เริ่มคุ้นเคยกับภาพบางภาพ มุมบางมุม ที่เคยเห็นมาก่อนหน้า ภาพเหล่านี้ก็คือภาพที่ปรากฏอยู่ในป้ายหรือเอกสารแนะนำการเดินป่าของทางวัดที่เป็นภาษาญี่ปุ่นซึ่งผมไม่เข้าใจนั้นเอง ... ทางเดินถูกทำไว้อย่างสะดวกสบายแต่ก็ไม่ทำร้ายธรรมชาติมากนัก ระหว่างทางในวันนี้มีผู้คนบางตามาก (อาจเป็นเพราะฝนตก) แต่เท่าที่สังเกตหลายคนแต่งตัวคล้ายๆ ผม คือแต่งตัวเหมือนเดินเล่นช้อปปิ้งอยู่ในเมือง เสื้อยืด กางเกงยีนส์ ดีหน่อยมีรองเท้าหุ้มข้อ แต่ก็ไม่ใช่รองเท้าสำหรับเดินบนเส้นทางขรุขระลาดชันเท่าไรนัก ... ทุกคนล้วนแต่บัญเอิญ ผมคิดว่าอย่างนั้น
เดินขึ้นเขาไปพักใหญ่ (หลังจากที่ผ่านจุดที่คิดว่าตัดสินใจจะวกกลับอยู่หลายครั้ง) ก็ดันมาถึงส่วนที่น่าจะเรียกได้ว่ายอดเขา เพราะตรงจุดนี้เป็นเนินราบกินพื้นที่ไม่กว้างนัก แต่บนพื้นนั้นเต็มไปด้วยรากไม้ที่ชอนไชสวยงามอย่างน่าอัศจรรย์ ... ใช่แล้วล่ะ นี่คือภาพที่ผมเห็นเมื่อสักครู่ก่อนขึ้นมา และจำได้แม่นยำที่สุด ... ตรงจุดนี้ก็คือ Kinone Michi อันเลื่องชื่อ ซึ่งเป็นจุดที่รากไม้ของสนเขาเก่าแก่หลายต้นชอนไชไปมาบนพื้นดินจนเกิดเป็นพื้นผิวที่งดงามตามธรรมชาติ ... บริเวณนี้เริ่มมีคนหนาตาเดินผ่านมาเรื่อยๆ ... น่าจะเป็นจุดสูงสุดของเส้นทางแล้วล่ะ
ในขณะที่ผมกำลังยืนชมความสวยงามของธรรมชาติสักพักและเตรียมกลับลงทางเดิมที่ปีนขึ้นมานั้น ... อยู่ๆ ฝรั่ง 3 คน ก็โผล่ขึ้นมา ณ ดงรากไม้ยักษ์กลางป่าใหญ่ ... เห้ย! นี่มันฝรั่งกลุ่มที่ลงสถานีก่อนหน้าเรานี่หว่า ... เราไม่ได้รู้จักและทักกัน แต่สายตาเพียงชั่วครู่ของผมและฝรั่งกลุ่มนั้นต่างจ้องกันและคงคิดในใจว่า “มาเจอกันบนนี้ได้ยังไงเนี้ยะ” ... แน่นอนว่าความคิดผมแอบคิดไปไกลกว่านั้นว่าเส้นทางนี้น่าจะเชื่อมไปยังอีกสถานีฝั่งหนึ่งแน่ๆ ... แต่ไปยังไง สถานีไหน ปลายทางคืออะไร ผมไม่รู้ (แต่ทั้งสามคนน่าจะรู้)
ผมตัดสินใจไม่วกกลับทางเดิม และมุ่งหน้าตามชายคนหนึ่งไปในอีกเส้นทางหนึ่งที่ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะพาไปไหนและไปทางไหน และเป็นเส้นทางเดียวกับที่ฝรั่งทั้งสามคนเดินมาหรือเปล่า ... ไม่มีทางเลือก แต่มีคนข้างหน้าเป็นผู้กล้านำทาง ... คิดเพียงว่าถ้าหลงก็เดินกลับมาทางเดิม น่าจะโอเค
การเดินป่าของผมนั้นเริ่มช้าลงเรื่อยๆ ช้าลงเรื่อยๆ ช้าลงเรื่อยๆ ไม่ใช่เพราะว่าปีนเขาที่สูงชันขึ้น ตรงกันข้ามมันเป็นทางลงเขาแทบทั้งสิ้น ที่ช้าลงนั้นก็เพราะว่าธรรมชาติสองข้างทางนั้นสวยจนชะลอการเคลื่อนที่ของผมได้อยู่หมัด สำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปวิวสวยๆ รักความสบาย เส้นทางนี้อาจจะไม่ใช่สิ่งที่คุณชอบนัก แต่สำหรับคนที่รักต้นไม้ รักธรรมชาติ รักพืชพรรณ ผมว่าเส้นทางนี้เหมาะกับคุณ ... เฟิร์นป่าต้นสมบูรณ์ มอสเขียวครึม เห็ดแปลกหน้าแปลกตา ดอกไม้เล็กๆ ที่ชูช่อ และอีกหลายต่อหลายต้นเป็นธรรมชาติที่ปรากฎให้ผมหยุดดูตลอดทาง ... เพื่อนร่วมทาง (ที่น้อยนิด และนานๆ มาที) เดินผ่านผมไปคนแล้วคนเล่า คนที่เริ่มต้นเดินพร้อมๆ กันกับผมอาจจะถึงปลายทางแล้วก็ได้ แต่ผมก็ยังคงชะลอตัวเองเพื่อชมความงามของธรรมชาติระหว่างทางต่อไป
นอกจากพืชพรรณและดอกไม้สวยงามแปลกตาแล้ว ระหว่างเส้นทางเดินป่านี้ยังมี ศาลเจ้า ใหญ่อยู่ท่ามกลางป่าเขาให้เราแวะไปสักการะและพักผ่อนระหว่างทางอีกด้วย ศาลเจ้าโบราณที่อยู่ท่ามกลางความสงบเงียบนั้นสัมผัสได้ถึงพลังบุญอันมหาศาล ... แวะนั่งพักที่ศาลเจ้าสักครู่แล้วจึงเดินต่อ ... ป่าสนจนกระทั่งไลเคนสีเขียวอ่อนกระทบแสงระยิบระยับนั้นทำให้ผมหลงใหลการเดินป่าครั้งนี้อย่างบอกไม่ถูก
น่าจะใช้เวลาราว 2-3 ชั่วโมงได้ ผมก็ลงมาถึงตีนเขาอีกฝั่งหนึ่งซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันคือที่ไหน … แต่เสียงสามสาวที่กำลังถ่ายรูปอยู่ตรงสะพานข้ามน้ำตกเล็กๆ และลำธารด้านล่างพร้อมภาพชุมชนย่อมๆ นั้นก็พอจะทำให้ผมอุ่นใจขึ้นมาได้บ้างว่าเรารอดแล้วล่ะ ไม่หลงป่าแน่นอน
ในใจคิดว่านี่คืออีกมุมของหมู่บ้านคุรามะที่เราขึ้นเขามาเมื่อสักครู่แน่ๆ เพราะตรงด้านหน้านั้นเป็นเส้นทางขึ้นวัดที่อาจดูคล้ายกันอยู่ ... ผมเดินเล่นที่หมู่บ้านริมลำธารซึ่งเรียงรายไปด้วยร้านอาหารบรรยากาศดี สลับกับศาลเจ้าหลายแห่ง อย่างมีความสุข ก็จะเดินไปเห็นภาพโรงแรมที่ตั้งอยู่ริมน้ำตกซึ่งเป็นภาพที่เคยคุ้นตา ใช่แล้วล่ะ เพิ่มเคยเขียนรีวิวถึงที่นี่เมื่อไม่นานมานี้
แต่ที่นี่คือที่ไหน?
มารู้ตัวอีกทีก็พบว่าหมู่บ้านเล็กๆ อันมีเสน่ห์นี้ก็คือคิบุเนะ (Kibune) หนึ่งในสถานที่พักผ่อนหย่อนใจอันมีชื่อเสียงของเกียวโตที่อยู่กลางป่า ... และมันเป็นเมืองเล็กๆ ที่ผมเดินข้ามเขามาจากฝั่งคุรามะซึ่งอยู่คนละฝากของอีกตีนเขา
อ้าว! จะกลับยังไงละเนี้ยะทีนี้
---------------------------------------------------------------
เส้นทางเดินป่าคุรามะ (Kurama) – คิบุเนะ (Kibune)
+ ที่ตั้ง : Kurama Mountain, Sakyo-Ku, Kyoto
+ เวลาเปิดให้เดินป่า : ทุกวัน 09.00-16.30 น. (เวลาโดยประมาณ / ตามเวลาเปิด-ปิดของวัด
+ ค่าเข้าชม : ฟรี
+ ติดต่อ : +81-75-741-2003 / เว็บไซต์ : www.kuramayama.net (ภาษาญี่ปุ่น)
+ วิธีเดินทาง : ใช้บริการรถไฟฟ้าของ Eizen Electric Railway สาย Kurama Line โดยเริ่มต้นจากสถานีต้นทางในเกียวโต Demachiyanagi Station (E01)
> สำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นจากวัดคุรามะ : นั่งมาลงสถานีปลายทาง Kurama Station (E17) แล้วเริ่มเส้นทางจากวัดคุรามะ
> สำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นจากคิบุเนะ : นั่งมาลงสถานี Kibune-Guchi Station (E16) หลังจากนั้นต่อรถเมลล์เข้าไปยังคิบุเนะอีกราว 3 ก.ม. แล้วจึงเริ่มเดินจากทางขึ้นเขาซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับศาลเจ้าคิบุเนะ (Kibune Shirne)