Ninna-ji Temple was founded in 888 and is a Buddhist temple in northeast Kyoto that is closely associated with the imperial family of Japan.
It is the main temple of the Omuro school of the Shingon sect of Japanese Buddhism. There are many Omuro School temples throughout Japan and many priests from these temples come to Ninna-ji to attend Buddhist services and to study and train in the main temple of their sect.
Ninna-ji Temple is known not only for the building itself, but also for its prime location as a viewpoint for the late cherry blossom. He also has a beautiful Japanese garden from which you can see the famous five-story pagoda.
Behind Ninna-ji Temple is the Omuro Pilgrimage, a shorter version of the Shikoku pilgrimage. This route can be covered in about two hours on foot, but is believed to have the same meaning as the Shikoku pilgrimage.
5-minute walk from Omuro Ninnaji Station (Keifuku Kitano Line) 30-minute bus ride from Kyoto Station (JR bus)
วัดนินนาจิ (Ninnaji Temple) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 888 เป็นการผสมผสานที่ลงตัวของความหรูหราสง่างามของคนชั้นสูงและความเรียบง่ายของพุทธศาสนา ระเบียงทางเดินไม้รูปฟันปลาเป็นวิธีที่ดีที่จะให้คุณชมวังโอมูโระ (Omuro Palace)
เกียวโตไม่ได้มีเฉพาะวัดคิงกะกุ และวัดคิโยะมิซุ วัดนินนะ-จิ (Ninna-ji) เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่น่าสนใจที่สุดของเกียวโต!
ปล่อยใจตัวเองไปกับโรงแรมบูติคแบบอาร์ตเดโคในใจกลางเมืองเกียวโตแห่งนี้ ใครจะเคยคิดว่าศิลปะอาร์ตเดโคและรินปะจะผสมผสานกันได้อย่างลงตัว?
โรงแรมนิกโกะพรินเซสเกียวโต ที่ ชิโจคาราซุมะ มีห้องพักที่กว้างขวางเริ่มตั้งแต่ขนาด 24 ตารางเมตร แบบซิงเกิ้ลรูม จนไปถึง 48 ตารางเมตร สำหรับทวินรูม พนักงานได้รับการฝึกอบรมมาอย่างดี คุณภาพเยี่ยมทั้งมารายาทและการบริการ เป็นโรงแรมที่ดีเลยทีเดียวสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักผ่อนหลังจากการเดินทางอันเหน็ดเหนื่อย
ครั้งสุดท้ายที่ผมอยู่ในเกียวโต ผมพยายามตัดสินใจเลือกระหว่างรีสอร์ทหรูในบริเวณชายเมืองหรือโรงแรมราคาประหยัดในใจกลางเมืองดี ภาพของสปาอันรื่นรมย์ล่อใจผมเป็นอย่างมากแต่ผมก็ยังต้องการจะอยู่กลางเมืองที่มีกิจกรรมให้ทำเยอะๆ คุณมองหาสิ่งใดในโรงแรมบ้าง? เตียงที่สะดวกสบาย, ห้องพักที่สะอาดและอยู่ใกล้กับทุกอย่าง? หรือรีสอร์ทหรูที่มี สปา, ร้านอาหารระดับ 5 ดาว,และสวนหย่อมที่สวยงาม? ถ้าคุณมองหาอย่างแรก โตโยโกะ อินน์ อาจจะเหมาะกับคุณนะ โตโยโกะ อินน์ เป็น 1 ในเครือข่ายโรงแรมธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นและตอนนี้โรงแรมโตโยโกะ อินน์ ในจีนและเกาหลีใต้ด้วยเช่นกัน โรงแรมธุรกิจและรีสอร์ทมีความแตกต่างกันเพราะว่าพวกเขาถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน รีสอร์ทระดับ 5 ดาว อย่างเรียวกังบางแห่งหรือไฮแอทสามารถเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวต้องการมาในขณะที่โรงแรมธุรกิจใช้เป็นที่พักชั่วคราวเพื่อจะไปชมสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆเท่านั้น รีสอร์ทหลายๆแห่งตั้งอยู่ในพื้นที่ชมวิวที่มีทัศนียภาพที่สวยงามซึ่งผู้เข้าพักสามารถเพลิดเพลินกับวันหยุดของพวกโดยเพียงแค่ชมวิวจากห้องพักของพวกเขา โรงแรมธุรกิจเช่นโตโยโกะ อินน์ ใช้เป็นที่พักชั่วคราวตัวอย่างเช่น ผู้เข้าพักทิ้งกระเป๋าเดินทางของพวกเขาไว้ในห้องพักที่โรงแรมและจากนั้นพวกเขาก็ออกไปเที่ยวข้างนอกทั้งวัน ข้อดีของโตโยโกะ อินน์ คือ คุณจะรู้ว่าคุณต้องการอะไร ที่นี่มีห้องพักสุดสะอาด, วอลล์เปเปอร์สีเบจอบอุ่นและลายสวย, เตียงที่สะดวกสบายแต่กะทัดรัด, อ่างอาบน้ำและฝักบัว, ชุดนอนยูกาตะ, โทรศัพท์ในห้อง, ตู้เย็นบาร์,โต๊ะเขียนหนังสือ, เครื่องปรับอากาศ, ชาญี่ปุ่น, และสิ่งอำนวยความสะดวกบางอย่าง เช่น กาต้มน้ำร้อนที่มีฟังก์ชั่น ความชื้นและรายการทีวีแบบจ่ายเงินเลือกช่องชม ในพื้นที่ต้อนรับมีแล็ปท็อป/เครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะอยู่ไม่มาก นอกนี้ยังมี WiFi, หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษและญี่ปุ่น, และอาหารเช้าที่เรียบง่ายแต่อร่อยซึ่งได้รวมอยู่ในราคาห้องพักแล้ว เมนูอาหารได้แก่ ซุปมิโซะ, โอนิกิริ(ข้าวปั้นญี่ปุ่นรูปสามเหลี่ยม)กับสาหร่ายหรืออุเมะโบชิ(พลัมดอง)และครัวซองต์/ขนมปัง, ไส้กรอกมินิหรือไข่คนและสลัด สไตล์ญี่ปุ่น เช่น สลัดพาสต้ากับมายองเนสญี่ปุ่น, หรือสลัดมันฝรั่งพร้อมกับชาญี่ปุ่นหรืออังกฤษและกาแฟอเมริกัน และหากคุณอยากดื่มอย่างอื่นหรือนอนดึกแล้วตื่นไม่ทันอาหารเช้าที่นี่ยังมีตู้ขายของอัตโนมัติอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีที่รับฝากสัมภาระและเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าหยอดเหรียญซึ่งสะดวกสบายเมื่อคุณท่องเที่ยวมาเป็นเวลานานและต้องการซักผ้า และหากคุณมีเวลา คุณสามารถซักผ้าในห้องน้ำและดึงราวตากผ้าที่พับเก็บได้มาตากผ้าตอนกลางคืนหรือจะเปิดหน้าต่างเพื่อให้ลมโกรกผ้าด้วยก็ได้ ข้อดีอีกข้อเกี่ยวกับโตโยโกะ อินน์คือ ตั้งอยู่จรงใจกลางเมืองจริงๆ เดินเพียงไม่กี่นาทีจากสถานีรถไฟใต้ดินหรือรถไฟสายฮันกิว จากสนามบินอิตามิ คุณสามารถมาเดินทางโรมแรมได้โดยรถบัสหรือรถไฟ(ต้องเปลี่ยนรถ) ในขณะที่จากสนามบินคันไซ นั่งรถไฟฮารุกะไปสถานีรถไฟเจอาร์เกียวโตเป็นวิธีที่ดีที่สุดโดยต้องไปเปลี่ยนเป็นรถไฟใต้ที่สถานีรถไฟเจอาร์เกียวโตหรืออาจจะเดินไปก็ได้เพราะแค่เพียง 15 นาทีเท่านั้น อีกทั้งโรงแรมยังใกล้กับห้างสรรพสินค้าและอยู่ตรงกลางระหว่างวัดโกลเด้น(คินกากุจิ)และคิโยะมิซุ เดระและกิออนดังนั้นโรงแรมจึงเป็นที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับผ่อนคลายหรือเติมพลังหลังเสร็จจากการช้อปปิ้งหรือเที่ยวชมสถานที่ในตอนเช้า ห้องพักของผมอยู่ชั้นล่างดังนั้นผมจึงออกไปข้างนอกได้โดยไม่ต้องรอลิฟท์เพราะช่วงอาหารเช้าลิฟท์จะแน่นมาก เอาเวลาที่ต้องรอลิฟท์ไปเที่ยวเกียวโตดีกว่า ห้องพักชั้นสูงๆจะเห็นวิวได้แต่ก็เป็นวิวที่ไม่ค่อยสวยนัก ส่วนชั้นล่างจะเห็นวิวตึกข้างๆผมตัดปัญหาด้วยการปิดม่านซะ ที่นี่มีที่จอดรถสำหรับรถ 6 คันราคา 1,200 เยน ต่อวันซึ่งต้องจองก่อนล่วงหน้า ในเกียวโตมีโตโยโกะ อินน์อยู่หลายสาขาดังนั้นควรปรินท์แผนที่โรงแรมออกมาด้วยในกรณีที่ขับรถมาเองหรือนั่งรถขนส่งสาธารณะมา แขกส่วนใหญ่ที่นี่เป็นคนญี่ปุ่นดังนั้นพนักงานจะไม่พูดภาษาอังกฤษเท่าไร อย่างไรก็ตามทั้งการจองห้องพักทางอินเทอร์เน็ตและขั้นตอนเช็คอินทำได้ง่ายมาก ในเว็บไซต์มีหลายภาษาให้เลือกและคุณยังสามารถเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกการจองห้องพัก 1 วันล่วงหน้าก่อนวันเข้าพักได้ ราคาห้องเตียงเดี่ยวค่อนข้างถูกกว่าเล็กน้อยและมีส่วนลดให้สำหรับการเข้าพักวันอาทิตย์ บางครั้งทางโรงแรมมีบริการแบบ " Cinderella " คือ การเข้าพักหลังเที่ยงคืนโดยไม่ได้จองไว้ล่วงหน้า เมื่อเวลาคุณเช็คอิน พนักงานจะให้คุณกรอกแบบฟอร์ม 2 ภาษาและถ้าคุณเป็นสมาชิกระดับสูงของโรงแรม คุณจะได้พักฟรีหลังจากคืนที่ 8 หรือคืนที่ 10(ขึ้นอยู่กับระดับสมาชิกที่คุณเป็นและรวมถึงส่วนลดในวันอาทิตย์ด้วย บัตรสามาชิกสามารถทำได้ฟรีหรืออาจจะมีค่าธรรมเนียมเล็กน้อยสำหรับสมาชิกในต่างประเทศ แค่ 1,500 เยนเท่านั้น) คุณต้องพักที่โรงแรมปีละครั้งหรืออหรือทุกๆ 2 ปี(สำหรับสมาชิกในต่างประเทศ)เพื่อรักษาสถานะสมาชิกไว้ดังนั้นคุ้มมากถ้าคุณพักที่นี่บ่อยๆ สิทธิพิเศษอื่นๆสำหรับสมาชิกคือ คุณสามารถเช็คอินได้ตั้งแต่ 3 โมงแทนที่จะเป็น 4 โมง ผมยังไม่เคยได้ยินพนักงานพูดกันเลยนะว่ามีคนเช็คเอาท์เลท(หลัง 10 โมงเช้า)ด้วยและถ้าคุณมีกระเป๋าเดินทาง คุณสามารถฝากไว้ที่โรงแรมได้ฟรีไม่ว่าจะก่อนเข้าพักหรือหลังเข้าพักก็ได้ทั้งนั้น ดังนั้นสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาญี่ปุ่นครั้งแรกหรือผู้ที่ต้องการจะใช้โรงแรมเป็นที่พักชั่วคราวและไม่ต้องการความช่วยเหลืออะไรมากมายจากพนักงานต้อนรับ ผมแนะนำให้มาพักที่โตโยโกะ อินน์ หากคุณอยากจะท่องเที่ยวในเกียวโตนานๆหรือเป็นนักท่องเที่ยวที่เคยมาเที่ยวเกียวโตแล้วแต่ต้องการจะพักผ่อนในบริเวณเกียวโต เรียวกังหรือรีสอร์ทอื่นๆจะเหมาะกับคุณมากกว่า นอกจากนี้หากคุณต้องการคุยกับแขกคนอื่นๆและพนักงาน อีกทั้งยังต้องการที่จะแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว ลองไปพักที่โฮสเทลฮานะที่ตั้งอยู่ใกลกับสถานีเกียวโตดู
Kazu ราเม็ง ร้านราเม็งสุดแนวให้พักเติมพลังและเล่น wifi ระหว่างวัดทอง Kinkakuji และวัดสวนหิน Ryoanji
คาเฟ่ไม่ธรรมดาแห่งนี้ตั้งอยู่ในอาราชิยามะสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองเกียวโต สมัยก่อนที่นี่เคยเป็นโรงอาบน้ำเก่า เมื่อเลิกกิจการไปจึงถูกดัดแปลงเป็นคาเฟ่สุดโมเดิร์น ที่ยังคงเก็บรักษาเอกลักษณ์เดิมหลายอย่างของโรงอาบน้ำเก่าเอาไว้ เช่น ศิลปะบนแผ่นกระเบื้อง กระจก และก็อกน้ำ เมนูของร้านซากะโนะ-ยูเน้นที่แพนเค้กและของหวานหลากหลายชนิดเป็นพิเศษ แต่ก็มีชุดอาหารกลางวันเป็นสลัดน้ำใสเสิร์ฟคู่กับพาสต้าประจำวันหรือข้าวแกงกะหรี่ และมีขนมปังกรอบกับแครกเกอร์สไตล์ญี่ปุ่นสำหรับซื้อกลับบ้าน นอกจากนี้ชั้นบนของร้านยังเปิดเป็นแกลเลอรี่ของตกแต่งบ้านแนวซักกะ (Zakka) น่ารักๆ ให้ได้เลือกช้อปเป็นของฝากอีกด้วย ร้านเปิดทุกวัน 11.00-20.00 น. อยู่ใกล้สถานีรถไฟ JR ซากะ อาราชิยามะ และสถานีซากะ ของรถไฟเคฟุกุ สามารถเดินเท้าถึงมาได้
SAGANOYU จากโรงอาบน้ำโบราณสู่คาเฟ่าอันแสนเก๋แห่งอะราชิยาม่า
Ryoanji Temple is home to Japan’s most famous Zen stone garden and one of Kyoto’s most iconic scenes. Believed to be built back in the Muromachi period (14th - 16th century), the origin and designer of the garden is still unknown to this day. The stones in the garden are intentionally placed so that one cannot view all 15 stones from any one angle. The meticulous design of this karesansui (Japanese rock garden) leads many to credit the celebrated artist, Soami, as the garden’s creator—albeit unproven. The 248-square meter garden bears little trace of greenery, and is instead immaculately lined with raked white gravel. The seemingly random placement of the stones adds to the mystique of Ryoan-ji, its abstract layout leaving visitors questioning the meaning and purpose of the garden. While the garden remains a mystery, the history of Ryoanji Temple is well documented. The temple buildings were originally a Heian Period villa, and were converted into a Zen temple in 1450. Now, Ryoanji is part of the Myoshin-ji school in the Rinzai sect of Zen Buddhism. In 1994, Ryoanji’s immaculate zen stone garden was recognised as a UNESCO World Heritage Site, and is also designated as a Historic Monument of Ancient Kyoto.
Keishunin (桂春院) is one of the sub-temples of Myoshin-ji containing gardens and a teahouse.
Taizō-in is the oldest sub-temple of the Myōshin-ji Rinzai Zen Buddhist temple, situated in the northwest of Kyoto, Japan. It was founded by Zen priest Muinsoin in 1404. The original temple buildings were burned during the Ōnin War, and were later rebuilt. Taizō-in is well known for its two gardens. [Wikipedia]