สถานที่ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาสีเขียวของชิงาราคิที่ขับรถมากเกียวโตราวชั่วโมงหนึ่งคืออัญมณีแห่งสถาปัตยกรรมของญี่ปุ่นที่น้อยคนจะรู้จัก ในยุคศตวรรษ 1970 มิโฮโกะ โคยาม่า ผู้อุปถัมป์อันร่ำรวย กับผู้นำทางศาสนา (หรือผมขอเรียกว่าลัทธิ) ชินจิ ชูเมะไค ได้มอบหน้าที่แก่สถาปนิกที่ได้รับการยกย่องระดับโลกอย่างไอ.เอ็ม. เปย์ ให้ออกแบบหอระฆังที่สำนักใหญ่ของลัทธิ ซึ่งหอระฆังนี้สามารถมองเห็นได้จากพิพิธภัณฑ์มิโฮะ
มิโฮะโกะ หรือสั้น ๆ ว่ามิโฮะรู้สึกประทับใจกับหอระฆังของเปย์ (สะพานเชื่อมโลกและสวรรค์ของเธอ) ทำให้เธอติดต่อเขามาเพื่อสร้าง "แดนสวรรค์บนดิน" ด้วยแนวคิดทะเยอทะยานที่จัดแสดงและจัดเก็บผลงานสะสมด้านศิลปะที่เก่าแก่และหายากของเธอ เมื่อเปย์มาสำรวจบริเวณนี้ในทศวรรษ 1990 เขาก็กล่าวว่า "นี่คือแดนสวรรค์โดยแท้"
มิโฮะให้คำสั่งเด็ดขาดกับเปย์ว่าเขาต้องไม่ทำลายความสงบที่เป็นหนึ่งเดียวของภูเขากับเนินสีเขียวชอุ่ม สิ่งก่อสร้างนี้จะต้องกลมกลืนกับภูมิประเทศและสิ่งแวดล้อมธรรมชาติ และผู้ที่มาเข้าชมทุกคนจะต้องสัมผัสได้ ซึ่งผมคิดว่าเปย์ทำได้สำเร็จ ซึ่งได้เกิดความสงบอันเปี่ยมเสน่ห์ที่กลมกลืนไปกับธรรมชาติ ตัวพิพิธภัณฑ์มิโฮะเองก็น่าทึ่งพอ ๆ กับผลงานที่นำมาจัดแสดง มีการใช้ทั้งลายเส้นหนา เหลี่ยมมุมสละสลวย หน้าต่างยุคใหม่ บานเกล็ดทันสมัย และแสงธรรมชาติ พื้นที่แปดสิบเปอร์เซนต์ของพิพิธภัณฑ์หลบอยู่ใต้เงาภูเขา การได้รับแสงอาทิตย์น้อยเป็นการป้องกันผลงานศิลปะภายในและช่วยลดค่าใช้จ่ายเครื่องปรับอากาศในฤดูร้อน
หลังจากซื้อตั๋วที่กิ๊ฟช็อปมาแล้ว ให้เดินขึ้นเส้นทางสามเลนที่ลาดขึ้นเล็กน้อย ผ่านทะลุอุโมงค์และข้ามสะพานเพื่อพบกับความตะลึง ผมเลือกเดิน แต่คุณสามารถขึ้นรถรางไฟฟ้าได้ ถ้าคุณโชคดีได้ไปที่นั่นตอนกลาง-ปลายเดือนเมษายน ดอกชิดาเระ-ซากุระที่มีอยู่ทั่งบริเวณจะทำให้คุณอึ้งจนพูดไม่ออก บางครั้งคุณจะเห็นงูกับสัตว์เลื้อยคลานกำลังมาอาบแดดอุ่น ๆ อย่างเงียบ ๆ และถ้าคุณเข้าใกล้เกินมันก็จะเลื้อยหนีไปเอง อุโมงค์กับสะพานนั้นมีความงดงามโดยแท้และเป็นความมหัศจรรย์ของวิศวกรรมยุคใหม่
ผลงานที่เก็บถาวรมีนับพัน ๆ ชิ้นทั้งโมเสคแบบเมโสโปเตเมีย ภาชนะเครื่องดื่มสำริดของราชวงศ์ฮั่น หม้อขนาดใหญ่ในรูปทรงที่ไม่น่าเชื่อ องค์พระพุทธรูป ภาพปูนเปียกโรมัน งานแกะสลักจิ๋วยุคก่อนแบคเทรียนจาก 2,500 ปีที่แล้วหรือนานกว่า มีผลงานหลายชิ้นที่อายุร่วมพันปี และมีเสน่ห์เป้นอมตะ ผลงานหลายร้อนชิ้นอาจถูกนำมาแสดงตามช่วงเวลา
ผมขอแนะนำให้ไปที่พิพิธภัณฑ์มิโฮะให้เช้าสุดเท่าที่จะทำได้ ภาพจะสวยกว่า คนก็น้อยกว่า หลังจากชมงานศิลปะแล้วให้กลับไปทานมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารซึ่งเป็นบะหมี่รสเด็ดหรือเต้าหู้ปลอดสารพิษ
ร้านอาหารนี้ พีช วัลล่ย์ปรุงอาหารโดยใช้วัตถุดิบจากพืชผลและส่วนประกอบที่สดจากท้องถิ่นและปลอดสารพิษ ซอสถั่วเหลือทำมาจากถั่วเหลืองที่ปลุกแบบออร์แกนิคและสามารถซื้อติดมือเป้นของที่ระลึกได้ ภายในพิพิธภัณฑ์ ร้านกาแฟไพน์ วิลล์มีน้ำผลไม้สด เค้ก และไอศครีม
เดินทางไปเที่ยวเดียวจากเกียวโตใช้เวลาเกือบชั่วโมง จากสถานีเจอาร์เกียวโต ให้ขึ้นเจอาร์หรือรถไฟด่วนท้องถิ่นไปสถานีอิชิยาม่า ลงที่สถานีอิชิยาม่า ออกทางประตุเล็กแล้วไปยังป้ายจอดรถบัส รถบัสไปพิพิธภัณฑ์มิโฮะออกชั่วโมงละคัน คลิกดูตารางเวลารถบัส
พิพิธภัณฑ์มิโฮะปิดให้บริการช่วงหน้าหนาวตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงกลางเดือนมีนาคม
แนะนำ: คุณสามารถไปชมพิพิธภัณฑ์มิโฮะตอนเช้าแล้วไปต่อที่สวนวัฒนธรรมเซรามิคชิงาคาริ (โทเงะ โนะ โมริ) ในยามบ่ายได้รวมเป็นทริปหนึ่งวันที่ชิงะพอดี