เมืองของญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะมีโรงกลั่นสาเก และสาเกแต่ละที่ก็จะมีรสชาติแตกต่างกันออกไป สาเกบางชนิดก็ผลิตมาเพื่อครองตลาด ในขณะที่บางชนิดจะเรียกว่า "เหล้ากลั่นพื้นเมือง" ที่นากาเซนโดะในนาคัตสุงาวะ-จูกุมีโรงกลั่นสาเกจำนวนมากที่ผลิตเหล้าเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ที่แรกที่คุณจะได้เจอนั้นก็อยู่ในนาคัตสุงาวะ-จูกุเลย เป็นแหล่งรวมของอาคารคอนกรีตสมัยทศวรรษ 1960กับเรือนอูดัตสุสมัยเอโดะ เป็นอาคารเก่าแก่สวยงามซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงกลั่นเหล้าฮาซามะและชูยุกัง
บริเวณด้านนอกเป็นอาคารอูดัตสุทรงต่ำสองชั้นที่มีป้ายขนาดใหญ่พร้อมข้อความ "เอนะ ซัง" เป็นชื่อยี่ห้อหลักซึ่งตั้งมาจากภูเขาที่เป็นแหล่งน้ำสำหรับทำสาเก ที่นี่ก็หมือนกับโรงกลั่นสาเกแห่งอื่น ๆ ในญี่ปุ่น คือจะมีสุงิดามะ ลูกบอลที่ทำจากหนามสน เป็นตัวบอกว่าเหล้าใหม่พร้อมวางขายแล้ว ครั้งแรกผมก็ไม่แน่ใจว่ามันเป็นร้านค้า พิพิธภัณฑ์ หรือโรงกลั่นเหล้ากันแน่ แต่เพราะอยากรู้ก็เลยเข้าไปดู
ภายในเงนกัง (ห้องโถง) มีสาเกหลากชนิดที่แปะฉลากเป็นแหล่งกำเนิดเดียวกัน บางชนิดก้อยู่ในขวดสีเขียวเข้มกับฉลากที่ดูย้อนยุค ส่วนบางขวดก็ใสพร้อมฉลากที่ดูทันสมัยกว่า
"อิราชิมาเสะ!" หญิงวัยกลางคนที่คุมร้านวันนั้นกล่าวขึ้น ผมถามเธอว่าพิพิธภัณฑ์เปิดไหม แล้วเธอก็โบกมือเรียกผมเข้ามา เมื่อคุณมาอยู่ญี่ปุ่นนาน ๆ จะติดนิสัยถอดรองเท้าออกก่อนเข้าตึกโดยอัตโนมัติ เพราะถ้าไม่ถอดจะรู้สึกแปลก ๆ เธอมองมองผมค่อย ๆ ถอดรองเท้าออกโดยการเหยียบส้นแล้วเปลี่ยนมาใส่รองเท้าแตะแทน
"ที่นี่เป็นทั้งร้านทั้งพิพิธภัณฑ์สาเกใช่ไหมครับ?" ผมเอ่ยถามขณะเดินไปตามพื้นไม้สีเข้มที่นำไปสู่ถังไม้สำหรับใช้ทำสาเกขนาดยักษ์
"ใช่ค่ะ เป็นโรงกลั่นเหล้าด้วย" เธอตอบ "พวกนี้เป็นถังที่ใช้ผลิตสาเก...ปัจจุบันก็ยังใช้แบบนี้อยู่ค่ะ"
ผมเดินไปยังโต๊ะที่มีขวดเหล้าสาเกติดอักษรคำว่า "ชุน" ตั้งอยู่พร้อมป้ายบอกว่ามีสินค้าพร้อมสั่ง เป็นสาเกที่จะผลิตแตกต่างกันเล็กน้อยในแต่ละฤดูและต้องสั่งจอง ด้านหลังผมมองเห็นสวนเล็ก ๆ คล้ายวาบิ-ซาบิ หญิงคนนั้นเข้ามาชี้ที่ตึกซึ่งอยู่ห่างไป 60 เมตร "ตึกสูง ๆ นั่นเป็นที่ทำความสะอาดและเตรียมข้าว ตึกที่อยู่ด้านห้าคือที่ผลิตสาเก เราทำสาเกมา 390 ปี แล้วค่ะ" ขณะที่ผมกำลังคิดตามประโยคสุดท้ายนั้น เธอก็เดินไปเอาแผ่นกระดาษที่มีตำอธิบายวิธีการผลิตสาเกกับสาเกหลากชนิดเป็นภาษาอังกฤษซึ่งมีประโยชน์มาก สาเกทำมาจากเอนไซม์ ไดแอสเตสหรือโคจิที่ทำให้เกิดน้ำตาล จากนั้นก็จะมีการเติมยีสต์ลงไปเพื่อทำเป็นสาเก จากที่คุณผู้หญิงคนนั้นกับเอกสารในมือว่าไว้ การทำไวน์มีประมาณสี่ถึงห้าขั้นตอน ส่วนสาเกมีประมาณสิบเอ็ดขั้นตอน
ตรงกลางของห้องใหญ่ ที่ให้คนได้ชิมสาเกแบบต่าง ๆ มีเพดานสูงอย่างหนากับกำแพงไม้สีดำและปูนฉาบ ตรงมุมหนึ่งจะมีการสาธิตน้ำไหลที่มาจากภูเขาเอนะ อันเป็นหัวใจสำคัญของสาเกฮาซามะ
เขาเชิญให้ผมลองดื่มสาเก แต่เพราะผมต้องขับรถเลยปฏิเสธไป ต้องขอบคุณคุณผู้หญิงที่พาชมและทำให้รู้จักกับหนึ่งในกิจการเก่าแก่ที่สุดของนาคัตสุงาวะ ผมกลับไปยังเงนคังเหมือนกับผู้ที่ไปท่องอดีตมา